สกรีนเสื้อ มีกี่ประเภทกันนะ มาอ่านกัน .. !
เป็นการสกรีนที่เหมาะกับ “งานจำนวนมาก” ลายง่าย – สีน้อย – สกรีนบนเสื้อได้ทุกสี
เป็นระบบการสกรีนเสื้อโดยการทาลวดลายลงบนบล็อคที่ใช้สกรีนแล้วจึงนำสีมาพิมพ์ลวดลายลงบนเสื้ออีกที โดยต้องใช้บล็อคสกรีน 1 สี ต่อ 1 บล็อค ถ้า 4 สี ก็ต้องใช้ 4 บล็อค
หลักการสกรีน ก็คือทำให้บล็อคสกรีนมีลวดลาย แล้วนำสีมาพิมพ์ผ่านลวดลายลงบนเสื้อ ก็จะได้เสื้อ หลักการนี้ถูกเอามาใช้หลายกระบวนการทั้งพิมพ์สิ่งพิมพ์ต่างๆ ซึ่งระบบซิลค์สกรีน (Silk Screen)
เหมาะสำหรับ งานสายผลิต จำพวกขายส่ง ที่ต้องการจำนวนและต้องการประหยัดต้นทุน และงานที่ต้องการเทคนิคพิเศษต่างๆ เช่น งานสกรีน ฮาฟโทน (Halftone) , Cmyk , Puff (สีนูน) , Glitter (กากเพชร) และลักษณะงานอื่นๆ งานสกรีนจึงเหมาะสมที่สุดสำหรับ สกรีนเสื้อ ทั้งเสื้อสีเข้ม หรือเสื้อสีอ่อน
1.1 สกรีนสีน้ำ
สีน้ำจะเหมาะกับการลง “ผ้าขาวหรือผ้าสีอ่อน” เนื่องจากสีน้ำจะซึมเข้าไปรวมกับสีเดิมของผ้าทำให้งานสกรีนนุ่มและสบายมือ ระบายความร้อนได้ดี เนี่องจากสีน้ำจะซึมเข้าไปรวมกับสีเดิมของผ้า เป็นสีเคมีที่ผลิตขึ้นมาโดยมีน้ำเป็นตัวทำละลาย ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกสีแห้งตัวได้เองที่อุณหภูมิห้อง ถ้าสีที่ผสมเสร็จแล้วเกิดการแห้งตัว สามารถใช้น้ำผสมเพื่อทำให้เหลวลงได้ สีประเภทนี้ไม่มีกลิ่นเหม็น
เหมาะที่จะพิมพ์ลงบน ผ้าคอตต้อน100%( C20,C32,TC), ผ้าโพลีเอสเตอร์100%(TK,TTK,MICRO) เป็นต้น
1.2 สกรีน Plastisol
สกรีน Plastisol สีพลาสติซอลจะเหมาะกับการลง “ผ้าทุกสี” ทั้งสีอ่อนและสีเข้ม สีพลาสติซอลจะมีเนื้อสีที่ทำให้งานสกรีนดูมีราคา เนื่องจากมีคุณสมบัติในการยึดเกาะบนพื้นผิววัสดุที่ดีและมีความเงางามสดใสของเนื้อสี เมื่อนำไปสกรีนลงบนเสื้อหรือผ้าผิวสัมผัสจะมีชั้นความหนาของลวดลายเคลือบอยู่บนเนื้อผ้าเช่นเดียวกับสียาง
1.3 สกรีนสีน้ำมัน
สีน้ำมันเป็นสีที่มีโครงสร้างของน้ำมันเป็นหลัก มีกลิ่นค่อนข้างแรง หมึกจะแห้งตัวได้ที่อุณหภูมิห้อง เวลาหมึกแห้งตัวแล้ว จะต้องใช้น้ำมันผสมเท่านั้น และถ้าต้องการจะล้างสี จะต้องใช้น้ำมันล้างเช่นกัน
เหมาะกับงานพิมพ์สกรีนบน “ผ้าที่ติดยากได้แทบทุกชนิด” เช่น ผ้ากระเป๋า ผ้าใบ ผ้าร่ม ผ้าไนล่อน
1.4 สกรีนแบบสีนูน
การสกรีนนูนจะให้ลักษณะพื้นผิวที่หนาและสัมผัสได้ถึงเนื้อสี มีความนูนเป็นแบบ 3 มิติ ทำให้งานดูมีราคาเพิ่มขึ้น สามารถสกรีนสีนูนร่วมกันกับงานประเภทสีน้ำหรือสีพลาสติซอลได้
1.5 สกรีนสีจม
สีสกรีนเสื้อแบบสีจม คุณสมบัติของสีสกรีนประเภทนี้ เนื้อสีจะมีความละเอียดสามารถซึมลงไปถึงเส้นใยผ้าและเนื้อสีจะมีความโปร่งใส เมื่อนำไปสกรีนลงบนเสื้อยืดลวดลายสกรีนจะให้ผิวสัมผัสที่เรียบจนแทบเป็น เนื้อเดียวกับเสื้อ
1.6 สกรีนแบบสีลอย
สีสกรีนเสื้อแบบสีลอย คุณสมบัติของสีลอยคือ เนื้อสีจะมีความละเอียดน้อยกว่าสีจม ทำให้เนื้อสีเกาะติดอยู่บนเส้นใยของผ้า เมื่อสกรีนลงเสื้อผิวสัมผัสจะให้ความรู้สึกถึงลวดลายที่มีความหนาขึ้นมาจากเนื้อผ้า
1.7 สกรีนสียาง
สีสกรีนเสื้อแบบสียาง สียางจะเหมาะกับการลง “ผ้าทุกสี” ทั้งสีอ่อนและสีเข้ม สียางจะมีเนื้อสี ทำให้งานสีกรีนดูมีราคา แต่สียางเมือถูกสกรีนลงบนผ้าแล้วจะสัมผัสได้ถึงชั้นของสีที่หนา ทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดี
คุณสมบัติของสียางเนื้อสีจะมีความยืดหยุ่นสูงและมีความเงาให้สีที่สด เมื่อสกรีนลงบนเนื้อผ้า เนื้อสีจะไปจับอยู่บนเส้นใยเช่นเดียวกับสีลอย ผิวสัมผัสจะมีชั้นความหนา(บาง)ของลายสกรีน และเมื่อลองดึงเนื้อผ้าเพื่อยืดลายสกรีนออก เนื้อสีจะยืดออกตามเนื้อผ้าเสมือนมีความยืดหยุ่นเป็นเนื้อเดียวกัน
1.8 สกรีนฟอยล์
การสกรีนฟอยล์ เป็นงานแนวแฟชั่นสวยงาม เป็นการสกรีนกาวลงบนเสื้อแล้ว รีดร้อนแผ่นฟอยล์ทับ งานจะเงาและดูมีราคา สามารถสกรีนฟอยล์ร่วมกันงานประเภทสีน้ำ หรือสี plastisol ได้
เป็นการสกรีนโดยใช้เครื่องพิมพ์เฉพาะ พิมพ์หมึกลงบนเสื้อโดยตรง
เหมาะกับ งานไม่จำกัดจำนวน – ลายยาก – สีเยอะ – กราฟฟิกเยอะ
DTG (Direct To Garment) คือ กระบวนที่ใช้หลักการนำหมึก Pigment มาสกรีนลงบนเสื้อโดยตรง ด้วยเครื่องพิมพ์ผ้าโดยเฉพาะ หลักการการทำงาน นำเสื้อไปวางบนแท่นพิมพ์แล้วสั่งพิมพ์ จากนั้นนำมาอบสีให้แห้ง
งานพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิตอล (Digital Printing) แบบ DTG (Direct To Garment) เป็นระบบการสกรีนด้วยขั้นตอนที่คล้ายกับการพิมพ์กระดาษเพียงแต่เปลี่ยนจากกระดาษเป็นเสื้อเท่านั้นเอง
ด้วยการทางานของเครื่องพิมพ์ดิจิตอลทาให้เหมาะกับงานพิมพ์ที่มีรายละเอียด ให้สีสันคมชัด รายละเอียดสูงถึง 1200 dpi (Silk Screen ปกติ 120 dpi) ซึ่งกระบวนการพิมพ์ผ้าด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิตอลปัจจุบันมีทั้งที่ใช้ในโรงงาน อุตสาหกรรมและใช้พิมพ์เสื้อสำเร็จรูป ซึ่งการพิมพ์โดยด้วยเครื่องดิจิตอลจำเป็นต้องนำผ้าไปผ่านกระบวนการ Pre-Treat ก่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพิมพ์ และต้องมีการอบเคลือบสีหลังจากการพิมพ์ (finishing) เพื่อให้หมึกพิมพ์ติดทนบนเนื้อผ้า
ระบบรีดร้อน (Heat Transfer) จะเป็นการสกรีนโดยใช้ระบบการพิมพ์ลวดลายด้วยเครื่องพิมพ์ Ink Jet หรือ Laser ลงบนกระดาษพิเศษที่เรียกว่า Transfer paper แล้วนำไปกดด้วยเครื่องรีดความร้อนเพื่อให้หมึกระเหิดย้อมติดไปบนเสื้อโดยมีแผ่นฟิล์มบนกระดาษเป็นตัวเคลือบยึดเกาะลวดลายกับตัวเสื้ออีกชั้นนึง
3.1 การสกรีนแบบซับลิเมชั่น (Dye-Sublimation)
เป็นการสกรีนที่เหมาะกับงานทุกจำนวน – ลายเยอะ – สีเยอะ – กราฟฟิก
“สกรีนได้เฉพาะเสื้อสีอ่อน”
Sublimation คือ การพิมพ์ภาพลงบนกระดาษด้วยน้ำหมึก Sublimation แล้วน้ำมารีดร้อนลงบนเสื้อโดยใช้เครื่องรีดร้อน (Heat Press) กดทับเพื่อถ่ายเทน้ำหมึกที่อยู่บนกระดาษลงไปในเนื้อผ้า ดังนั้นเสื้อที่สกรีนด้วยวิธีนี้จึงสามารถซักได้เป็นสิบๆ ครั้งโดยที่สีไม่หลุดล่อน และสามารถใช้เตารีดรีดลงบนรูปภาพที่สกรีนได้โดยตรงโดยไม่ติดเตารีด
Sublimation เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด กระบวนการสกรีนเริ่มโดยการสั่งงานพิมพ์ลงบนกระดาษ Sublimation จากนั้นนำกระดาษที่พิมพ์ลายสกรีนไปวางบนเสื้อแล้วรีดด้วยเตารีด หรือเครื่องรีดร้อน เนื่องจากความร้อน หมึกที่อยู่บนกระดาษจะระเหิดไปเกาะบนเสื้อ
การพิมพ์แบบ Sublimation จะติดได้ดีบนเนื้อผ้าที่มีส่วนผสมของใยสังเคราะห์ (Polyester) เช่น TK, TC, ชีฟอง, ซาติน, นาโน, สเปนแดกซ์ และอื่นๆ แต่จะไม่สามารถใช้ได้กับผ้าที่เป็นใยธรรมชาติ หรือ Cotton 100% ซึ่งในปัจจุบันมีการพัฒนาผ้าที่ผสมใยสังเคราะห์ต่างๆ ให้ผู้บริโภคสวมใส่สบายมากยิ่งขึ้นเหมือนสวมใส่ผ้าใยธรรมชาติ แต่ต้นทุนถูกลง งาน Sublimation จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
3.2 การสกรีนเสื้อ Flex Transfer (Poly Flex Transfer)
เป็นการสกรีนที่เหมาะกับงานทุกจำนวน “สีเดียว” สกรีนได้ทุกสี
เป็นการสกรีนโดย การทำลวดลายในคอมพิวเตอร์ แล้วใช้เครื่องตัดสติกเกอร์ตัดแผ่น Flex เหมาะกับงานสกรีนตัวอักษรชื่อ หรือตัวเลข สกรีนได้ทั้งเสื้อยืด และเสื้อกีฬา
แผ่น Flex คล้ายๆ แผ่นสติ๊กเกอร์ มีสีเดียวอาจเป็นสีดำ สีทอง หรือสีเงิน แล้วใช้เครื่องรีดอัดความร้อนเพื่อให้แผ่น Flex ละลายไปติดลงบนเสื้อ
โพลีเฟล็กซ์ (Poly Flex) อาศัยกาวเป็นตัวยึดเกาะ โดยการพิมพ์ลงบนกระดาษหรือฟิล์มโดยมีกาวเคลือบ ก่อนจะนำไปรีดต้องแกะด้านกาวออกก่อนเหมือนแกะสติกเกอร์
เมื่อนำไปรีดร้อนกาวที่อยู่บนกระดาษ ส่วนกระดาษที่ใช้จะแตกต่างกันเพราะมันจะเคลือบกาวไว้เมื่อโดนความร้อนจากเครื่องรีด กระดาษนั้นจะติดกับเสื้อนั่นเอง เหมือนกับเฟล็กติดเสื้อฟุตบอล
เมื่อนำไปรีดความร้อนกาวจะเป็นตัวยึดเกาะระหว่างสีกับเนื้อผ้า ซึ่งการพิมพ์โดยวิธีนี้ถูกนำไปใช้ในหลายประเภทงานพิมพ์เนื่องจากหมึกพิมพ์ สามารถใช้ได้กับหลากหลายชนิดงานพิมพ์ เช่น งานพิมพ์ออฟเซต, งานพิมพ์กราเวียร์, งานพิมพ์สกรีน และงานพิมพ์อิงค์เจ็ต
ซึ่งแต่ละประเภทงานก็มีความแตกในเรื่องของความละเอียดความคมชัดของงานและ ปริมาณที่จะพิมพ์ โดยในงานพิมพ์อิงค์เจ็ตจะใช้กระดาษทรานเฟอร์ซึ่งเป็นกระดาษชนิดพิเศษที่มี การเคลือบกาว แล้วใช้หมึกพิมพ์อิงค์เจ็ทธรรมดาหรือหมึกกันน้ำ(ดูราไบท์)พิมพ์ลงบนกระดาษ ทรานเฟอร์ด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท แล้วจึงนำไปรีดด้วยเครื่องรีดความร้อน กาวจะเป็นตัวยึดเกาะระหว่างหมึกพิมพ์กับเส้นใยของผ้า ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับผ้าการพิมพ์ลงบนผ้า cotton 100%
“Sublimation กับ Flex Transfer ” ซึ่งจริงๆ แล้วมันแตกต่างกัน Heat transfer แปลตามชื่อก็หมายถึงการแลกเปลี่ยนความร้อน แต่ในงานสกรีนคือ การทำให้สีติดโดยใช้การแลกเปลี่ยนความร้อน ซึ่งยังแตกย่อยอีกหลายกระบวนการ แต่ที่นิยมในไทยจะเป็นการพิมพ์ลงกระดาษที่มีกาวเคลือบไว้ด้านหลัง
โพลีเฟล็กซ์ ทรานเฟอร์ (Poly Flex Transfer)
Poly Flex คือ แผ่นยางรีดหรือ PVC มีองค์ประกอบเดียวกันกับพลาสติกซึ่งเมื่อถูกความร้อนสูง จะหลอมละลาย และเมื่อนำไปอยู่ภายใต้ภาวะแรงกดที่เหมาะสมบนเนื้อผ้าเนื้อยางบางที่เป็นผิวที่สัมผัสอยู่กับเส้นใยผ้าก็จะหลอมละลายยึดติดไปบนเส้นใยผ้า
ผิวสัมผัสด้าน หากใช้ยางรีดที่หนาผิวสัมผัสก็จะนูนมีน้ำหนักไม่เรียบเนียนไปกับผิวของเสื้อผ้า ในเรื่องการทนต่อการซักล้างถือว่าอยู่ในระดับดีเยี่ยม
ข้อจำกัด โพลีเฟล็กซ์ จะมีสีสัน ที่ตายตัว จะสามารถพิมพ์ได้เป็นสีแบบ solid color ตามสีของโพลีเฟล็กซ์ที่มี และไม่เหมาะกับงานที่มีลวดลายละเอียด หรือมีลวดลายซับซ้อน เนื่องจากความยุ่งยากในการทำไดคัท และการสกรีน
วิธีการนำมาใช้งาน
สามารถตัดตัดด้วยคัตเตอร์ หรือเครื่องตัดสติกเกอร์เป็นตัวอักษร ซึ่งการสกรีนแบบทรานเฟอร์ด้วยวิธีนี้จะเหมาะกับการงานสกรีนตัวอักษรลงบนเสื้อ หรือลายกราฟิกที่มีขนาดใหญ่ๆ ไม่ยากเกินไปสำหรับการไดคัท แตกต่างกับประเภทงานแบบการพิมพ์ภาพลงเสื้อด้วยเครื่องพิมพ์แล้วนำไปกดหรือทรานเฟอร์ด้วยความร้อนซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับงานภาพถ่ายหรืองานกราฟิกไม่จำกัดสีเสียมากกว่า
ชนิดของแผ่นโพลีเฟล็กซ์ (Poly Flex)
- โพลีเฟล็กซ์งานตัด – เป็นสีตาย (Solid Color) เป็นส่วนมาก แต่จะมีข้อเด่นที่เหนือกว่างานสกรีนลักษณะอื่นๆคือสามารถทำ ผิวสัมผัสพิเศษ เช่น เนื้อโลหะ เนื้อกำมะหยี่ กากเพชร เพิ่มความโดดเด่นให้กับชิ้นงาน และเป็นลักษณะงานที่งานสกรีนลักษณะอื่นทำไม่ได้, เป็นสีพิเศษ เช่น สีสะท้อนแสง ที่สามารถสะท้อนแสงไฟได้, ความหนาแบบพิเศษ ทำให้มีลักษณะเป็นลายนูนสูงขี้นมาจากเนื้อผ้า
- โพลีเฟล็กซ์งานพิมพ์ – สามารถนำมาพิมพ์ด้วยหมึกEco–Solventทำให้สามารถทำเป็นลวดลายหรือรูปต่างๆได้ตามต้องการ แล้วนำไปติดด้วยสติกกี้ ลอกแผ่นเฟล็กซ์มาวางบนเสื้อผ้า ก่อนทำการกดทับ