สกรีนเสื้อยืด เลือกหมึกแบบไหนให้ลายติดทน สีไม่เพี้ยน
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเสื้อยืดบางตัวลายสกรีนถึงทนทาน ซักกี่ครั้งก็ยังคมชัด สีไม่ซีดไม่ลอก แต่บางตัวนั้นซักไม่กี่ทีลายก็แตก ยับยู่ยี่ หรือสีเพี้ยนไปซะอย่างนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้อยู่ที่เนื้อผ้าของเสื้อยืดอย่างเดียว แต่มันอยู่ที่หมึกสกรีนด้วยเช่นกัน การเลือกหมึกให้เหมาะกับชนิดผ้าและงานดีไซน์เป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องประเภทหมึกกัน
ชนิดของหมึกสกรีนเสื้อยืด มีอะไรบ้าง
หมึกสกรีนเสื้อยืดไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว แต่มันมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ลองมาทำความรู้จักกับตัวเอกแต่ละตัวกันดีกว่า
หมึก Plastisol (พลาสติซอล)
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินหรือรู้จักหมึกชนิดนี้แน่นอน เนื่องจากเป็นหมึกที่นิยมใช้มากที่สุดในวงการสกรีนเสื้อยืด โดยเฉพาะเสื้อยืดแฟชั่นและเสื้อวงดนตรีที่คุณเห็นกันบ่อยๆ ให้สีที่สว่างสดใส คมชัด ไม่จมไปกับเนื้อผ้า แม้จะสกรีนลงบนผ้าสีเข้ม ติดแน่นทนทาน ไม่ซีดจาง ไม่ลอกง่าย ทนต่อการซักและการใช้งานหนัก เมื่อสกรีนแล้วจะให้สัมผัสที่นูนขึ้นมาจากเนื้อผ้าเล็กน้อย ซึ่งบางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ แถมยังทับสีได้ดี สามารถสกรีนสีอ่อนทับบนผ้าสีเข้มได้โดยสีไม่เพี้ยน สำหรับหมึกชนิดนี้จะแห้งและยึดเกาะกับผ้าได้ดีเมื่อผ่านความร้อนสูงเท่านั้น (ประมาณ 150-180 องศาเซลเซียส)
หมึก Plastisol ทำจากพลาสติก (PVC) และพลาสติไซเซอร์ ซึ่งอาจจะไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% นัก และด้วยความที่มันเป็นชั้นฟิล์มอยู่บนผ้า มันจึง ไม่ระบายอากาศ ทำให้เสื้อบริเวณที่สกรีนรู้สึกร้อนหรืออับกว่าปกติเมื่อสวมใส่ และอีกข้อคือ ลายจะแตกได้หากยืดผ้ามากเกินไป เมื่อใช้ไปนานๆ หรือผ้าหดตัว นอกจากนี้ การรีดทับลายสกรีนโดยตรงอาจทำให้หมึกละลายได้ ต้องกลับด้านรีดเสมอ
หมึก Water-based
เป็นหมึกที่ใช้ตัวทำละลายเป็นน้ำ ทำให้มีคุณสมบัติที่แตกต่างจาก Plastisol อย่างชัดเจน เมื่อสกรีนแล้ว หมึกจะซึมเข้าไปในเส้นใยผ้า ทำให้ลายสกรีนมีสัมผัสที่ นุ่มเนียนไปกับเนื้อผ้า แทบไม่รู้สึกถึงรอยสกรีนเลย ระบายอากาศดี เพราะหมึกซึมเข้าไป ไม่ได้สร้างชั้นฟิล์มบนผ้า ทำให้เสื้อบริเวณที่สกรีนยังคงระบายอากาศได้ดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีสารเคมีน้อยกว่า Plastisol และทำความสะอาดอุปกรณ์ได้ง่ายด้วยน้ำ เหมาะกับผ้าสีอ่อน ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อสกรีนลงบนผ้าสีขาวหรือสีอ่อนๆ
อย่างไรก็ตาม หมึก Water-based มักจะให้สีที่ ไม่สดเท่า Plastisol โดยเฉพาะเมื่อสกรีนบนผ้าสีเข้ม สีจะดูจมลงไปกับเนื้อผ้า และอาจจะต้องสกรีนซ้ำหลายรอบเพื่อความเข้มของสี ทำให้มีต้นทุนและเวลาในการผลิตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยัง แห้งเร็วกว่า บนบล็อกสกรีน ทำให้ต้องทำงานด้วยความรวดเร็วและระมัดระวังมากขึ้น
หมึก Discharge (ดิสชาร์จ)
หมึกชนิดนี้ไม่ได้เพิ่มสีเข้าไป แต่เป็นการ ดึงสีเดิมของผ้าออก แล้วแทนที่ด้วยสีของหมึก ทำให้ได้ลายที่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อผ้าจริงๆ ให้สัมผัสที่นุ่มมาก ลายสกรีนจะซึมเข้าเป็นเนื้อเดียวกับผ้า ไม่มีความรู้สึกนูนหรือเป็นแผ่นเลยแม้แต่น้อย ระบายอากาศดีเยี่ยม ไม่บดบังการระบายอากาศของผ้า เหมาะกับผ้าคอตตอน 100% สีเข้ม ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบนผ้าฝ้ายที่ย้อมด้วยสี reactive dyes (ซึ่งเป็นสีที่หมึก Discharge สามารถกัดได้) สีที่ได้จะขึ้นอยู่กับสีเดิมของผ้า สีของลายสกรีนจะแตกต่างกันไปเล็กน้อยขึ้นอยู่กับว่าสีพื้นของผ้าเดิมถูกกัดออกไปได้ดีแค่ไหน และสีของหมึกที่ลงไปทับ
โดยหมึก Discharge มีกลิ่นเฉพาะตัว ที่ค่อนข้างฉุนในระหว่างกระบวนการสกรีนและอบ นอกจากนี้ มัน ใช้ได้เฉพาะกับผ้าคอตตอน 100% เท่านั้น หากนำไปสกรีนบนผ้าที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์ ลายที่ได้อาจจะไม่กัดสีผ้าได้สมบูรณ์ ทำให้สีเพี้ยน หรือลายไม่คมชัดเท่าที่ควร และสีที่ได้อาจจะไม่สามารถควบคุมให้ตรงกับ Pantone เป๊ะๆ ได้ เพราะขึ้นอยู่กับสีพื้นของผ้าและปฏิกิริยาทางเคมี
หมึก Hybrid (แบบผสม)
เป็นการนำคุณสมบัติเด่นของหมึก Plastisol และ Water-based มาผสมผสานกัน ข้อดีคือจะได้สีสดใสกว่า Water-based ให้สีที่คมชัดและสดใสกว่าหมึก Water-based ทั่วไป แต่ก็ยังคงความนุ่มนวล อีกทั้งสัมผัสที่นุ่มกว่า Plastisol เพราะลายสกรีนไม่นูนมากเท่า Plastisol แต่ก็ยังคงความทนทาน แน่นอนในเรื่องของการระบายอากาศก็ทำได้ดีกว่า Plastisol ด้วย ให้ความรู้สึกสบายในการสวมใส่มากกว่า
บอกได้เลยว่าหมึก Hybrid เป็นทางเลือกที่ดีที่รวมข้อดีของทั้งสองชนิด แต่ก็อาจจะมี ราคาสูงกว่า หมึกแบบเดี่ยวๆ และการจะหาสมดุลที่ลงตัวระหว่างสีสัน ความนุ่ม และความทนทานนั้น ขึ้นอยู่กับสูตรการผสมของแต่ละผู้ผลิตด้วย ดังนั้นผลลัพธ์ของหมึก Hybrid อาจแตกต่างกันไปในแต่ละโรงงานสกรีน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความทนทานของลายสกรีน
การเลือกชนิดหมึกที่ถูกต้องเป็นแค่ครึ่งทาง อีกครึ่งหนึ่งคือปัจจัยอื่นๆ ที่จะทำให้ลายสกรีนของคุณอยู่ไปได้นานๆ เช่นกัน นั่นก็คือ
ชนิดของผ้า
: ผ้าคอตตอน 100% เป็นผ้าที่สามารถใช้ได้กับหมึกทุกชนิด (Plastisol, Water-based, Discharge) แต่ละชนิดก็จะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันไปตามที่กล่าวมาแล้ว
: ผ้าโพลีเอสเตอร์/ผ้าใยสังเคราะห์ เหมาะกับหมึก Plastisol มากที่สุด เพราะให้การยึดเกาะที่ดีเยี่ยม และสีสดใส ส่วนหมึก Water-based และ Discharge ไม่เหมาะ เพราะหมึกจะซึมไม่ดี และกัดสีไม่ได้ผล
: ผ้าผสม (เช่น Cotton Blend) สามารถใช้ Plastisol ได้ดี ส่วน Water-based และ Discharge อาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ของคอตตอนในผ้า
ความละเอียดของลายดีไซน์
: ลายละเอียด/ลายกราฟิกที่ซับซ้อน หมึก Plastisol และ Water-based สามารถให้รายละเอียดได้ดี แต่ Water-based อาจจะต้องใช้เทคนิคการสกรีนที่ซับซ้อนกว่า
: ลายที่ต้องการความนุ่ม หมึก Water-based และ Discharge คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
จุดประสงค์การใช้งาน
: เสื้อกีฬา/เสื้อที่ต้องการความสบาย ควรเลือก Water-based หรือ Discharge เพื่อการระบายอากาศที่ดี
: เสื้อแฟชั่น/เสื้อที่ต้องการสีสดและทนทาน Plastisol คือคำตอบ
: เสื้อพรีเมียม/งานดีไซน์พิเศษ Hybrid หรือ Discharge (สำหรับคอตตอน) อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
อุณหภูมิและกระบวนการอบหมึก
บอกได้เลยว่าถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่คนไม่ค่อยรู้กัน ไม่ว่าหมึกจะดีแค่ไหน หากโรงงานสกรีน อบหมึกด้วยความร้อนไม่เพียงพอ หรือ ไม่ตรงตามอุณหภูมิที่กำหนด ลายสกรีนก็จะไม่ยึดเกาะกับผ้าได้ดี ทำให้ลอกง่าย สีซีด และไม่ทนทาน นี่คือเหตุผลที่บางครั้งคุณสกรีนเสื้อจากคนละที่ แต่ได้ผลลัพธ์ความทนทานที่ต่างกัน ทั้งที่อาจจะใช้หมึกชนิดเดียวกันก็ได้
การดูแลรักษาเสื้อหลังจากสกรีน
ไม่ว่าลายสกรีนจะดีแค่ไหน การดูแลรักษาที่ไม่ถูกต้องก็ทำลายมันได้ง่ายๆ ซึ่งเราต้อง “กลับด้านซักเสมอ” โดยเฉพาะหมึก Plastisol เพื่อป้องกันการเสียดสีและยืดอายุลายสกรีน การซักก็ควรซักด้วยน้ำเย็น/น้ำอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงน้ำร้อนจัด เพราะอาจทำให้ลายสกรีนแตกหรือลอกได้ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาฟอกขาว สารเคมีรุนแรงสามารถทำลายหมึกสกรีนได้ หลีกเลี่ยงการรีดทับลายโดยตรง โดยเฉพาะหมึก Plastisol ให้กลับด้านรีด หรือใช้ผ้าวางทับก่อนรีด
เรื่องของหมึกสกรีนก็มีอะไรมากกว่าที่คิด การรู้ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจกระบวนการผลิตเสื้อยืดมากขึ้น และสามารถเลือกเสื้อยืดที่มีลายสกรีนที่ติดทน สีสวยถูกใจ และตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างแน่นอน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจสั่งทำเสื้อสกรีน ก็สามารถขอข้อความหรือขอคำปรึกษากับเหล่าผู้เชี่ยวชาญหรือแอดมินได้เลย