อยากผลิตหมวกสกรีน ข้อมูลที่คนไม่ค่อยรู้

อยากผลิตหมวกสกรีน ข้อมูลที่คนไม่ค่อยรู้ ปก

อยากผลิตหมวกสกรีน ข้อมูลที่คนไม่ค่อยรู้

การผลิตหมวกสกรีนให้ปังตรงใจไม่ใช่แค่มีลายสวยๆ แล้วส่งให้ร้านทำให้เท่านั้น มันยังมีอีกหลายเรื่องเบื้องหลังที่มือใหม่หัดสั่งผลิตอาจไม่เคยรู้ แต่เป็นรายละเอียดสำคัญที่ช่างสกรีนมืออาชีพเขาใส่ใจกันสุดๆ ข้อมูลเหล่านี้แหละที่จะช่วยให้คุณเข้าใจกระบวนการผลิตมากขึ้น คุยกับร้านได้รู้เรื่อง และได้หมวกสกรีนคุณภาพเยี่ยมแบบที่ไม่มีใครบ่นว่า ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย

 

การ “เตรียมผิวผ้า” ก่อนสกรีน

ก่อนที่หมวกจะถูกสกรีนจริง มีขั้นตอนการเตรียมผิวผ้าที่สำคัญมากๆ ซึ่งคนทั่วไปมักไม่รู้ นั่นคือการ “อัดรองพื้น” หรือการลงไพรเมอร์ (Primer) สำหรับหมวกบางชนิด ประโยชน์ของการเตรียมผิวผ้าก็จะมี ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ โดยเฉพาะหมวกที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์, ไนลอน หรือหมวกที่มีคุณสมบัติกันน้ำ ผิวผ้าเหล่านี้จะเรียบและอาจไม่ดูดซับหมึกได้ดีเท่าผ้าคอตตอน การลงรองพื้นจะช่วยปรับสภาพผิวผ้าให้หมึกเกาะติดได้ดีขึ้น

 

อีกทั้งยังช่วยป้องกันสีตกใส่กัน (Color Migration) หมวกบางสี โดยเฉพาะสีเข้มๆ ที่เป็นโพลีเอสเตอร์ อาจมีปัญหาสีของเนื้อผ้าซึม ขึ้นมาผสมกับสีหมึกสกรีนได้เมื่อเจอความร้อน ทำให้สีของลายสกรีนเพี้ยนหรือดูหมอง การลงรองพื้นจะช่วยสร้างเกราะป้องกันปัญหานี้ ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ของช่างในการเลือกชนิดของรองพื้นและวิธีการลงที่เหมาะสมกับประเภทผ้าและชนิดของหมึกสกรีนที่ใช้ เพื่อให้ลายสกรีนออกมาคมชัด สีสด และติดทนนาน

 

เทคนิคการ “อบแห้ง” หมึกสกรีน

หลังสกรีนหมึกแต่ละชั้นลงบนหมวกแล้ว หมึกไม่ได้แห้งเองง่ายๆ นะ มีกระบวนการอบแห้งที่สำคัญมาก และส่งผลต่อคุณภาพและความทนทานของลายสกรีนโดยตรง เนื่องจากจะทำให้หมึกเซ็ตตัว หมึกสกรีนส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะหมึก Plastisol) จะไม่แห้งสนิทแค่จากการตากลม แต่ต้องผ่านการอบด้วยความร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อให้โมเลกุลของหมึกเชื่อมตัวกัน อีกทั้งเพิ่มความทนทาน การอบแห้งที่ได้มาตรฐานจะทำให้ลายสกรีนยึดติดกับผ้าได้อย่างถาวร ทนต่อการซัก ไม่แตก ไม่ลอกง่าย หากอบไม่ถึงอุณหภูมิที่กำหนด ลายสกรีนจะลอกง่ายมาก

 

อยากผลิตหมวกสกรีน ข้อมูลที่คนไม่ค่อยรู้ 1

ควรให้ความสำคัญกับอุณหภูมิและเวลา ช่างต้องควบคุมอุณหภูมิและเวลาในการอบแห้งให้เหมาะสมกับชนิดของหมึกและชนิดของผ้าหมวกอย่างแม่นยำ เพราะถ้าอุณหภูมิต่ำไป หมึกไม่เซ็ตตัว ถ้าสูงไป ผ้าหมวกอาจไหม้หรือเสียรูปได้ และเรื่องของเครื่องอบเฉพาะทาง โรงงานสกรีนมืออาชีพจะมีอุโมงค์อบหรือเครื่องอบเฉพาะที่ควบคุมอุณหภูมิได้คงที่ ซึ่งดีกว่าการใช้เครื่องรีดร้อนแบบธรรมดาในการอบแห้งสำหรับงานจำนวนมาก

 

การ “วางบล็อกสกรีน” ที่แม่นยำ

สำหรับเทคนิค Silk Screen ที่ต้องมีการแยกสีและทำบล็อกสกรีนหลายบล็อก การวางบล็อกให้ตรงกันเป๊ะๆ คือหัวใจสำคัญที่ไม่ใช่แค่จับวางมั่วๆ ได้ เพราะจะช่วยให้สีไม่เหลื่อม ถ้าบล็อกสกรีนแต่ละสีวางไม่ตรงตำแหน่ง ลายที่ได้จะดูเหลื่อมกัน ทำให้ลายไม่คมชัด และสีทับกันไม่สนิท ซึ่งก็มีผลต่อรายละเอียดคมชัดเช่นกัน การวางบล็อกที่แม่นยำทำให้รายละเอียดเล็กๆ ของลายคมชัด ไม่บิดเบี้ยว

 

การมาร์คจุดก็ด้วย โดยช่างจะใช้จุดหรือเส้นมาร์คเล็กๆ ที่มองไม่เห็นหลังสกรีนเสร็จ เป็นตัวช่วยในการจัดตำแหน่งบล็อกสกรีนแต่ละสีให้ตรงกันอย่างแม่นยำที่สุด และเรื่องความตึงของผ้าบล็อก ผ้าที่ใช้ขึงบนบล็อกสกรีนต้องมีความตึงที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ เพื่อให้การปาดหมึกทำได้อย่างราบรื่นและลายออกมาคมชัด ไหนจะเรื่องการปรับตำแหน่งด้วยมือ แม้จะมีเครื่องจักรช่วย แต่ช่างสกรีนที่มีประสบการณ์ยังคงต้องใช้ “ตา” และ “มือ” ในการปรับตำแหน่งบล็อกให้ตรงกันแบบมิลลิเมตรต่อมิลลิเมตร เพื่อให้ได้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุด

 

“การดูแลหัวพิมพ์” สำหรับ DTG/DFT

สำหรับเทคนิค Heat Transfer แบบ Digital Flim Transfer (DTF) หรือ Direct to Garment (DTG) ซึ่งเป็นการพิมพ์ลายลงบนฟิล์มหรือผ้าโดยตรง คุณภาพของหัวพิมพ์มีผลอย่างมากต่อลายสกรีน โดยเหตุผลที่ต้องดูแลหัวพิมพ์ก็เพราะมีผลต่อความคมชัดของลาย หัวพิมพ์ที่สะอาดและอยู่ในสภาพดีจะสามารถพ่นหมึกออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลายที่ได้คมชัด รายละเอียดครบถ้วน และไม่มีเส้นหรือจุดผิดปกติ และมีผลต่อความสดของสี หัวพิมพ์ที่อุดตันหรือไม่สมบูรณ์ อาจทำให้สีของลายสกรีนดรอปหรือไม่สดใสเท่าที่ควร

 

การ “ทดสอบความทนทาน” ก่อนส่งมอบ

โรงงานผลิตหมวกสกรีนมืออาชีพจะไม่ได้แค่สกรีนแล้วแพ็คส่ง แต่จะมีการทดสอบคุณภาพของลายสกรีนก่อนส่งมอบจริง เพื่อให้มั่นใจว่าหมวกจะทนทานต่อการใช้งานของลูกค้า เพราะการทดสอบจะช่วยยืนยันการเซ็ตตัวของหมึก ทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าหมึกสกรีนได้ถูกอบแห้งอย่างสมบูรณ์และยึดติดกับผ้าอย่างถาวร และต้องประเมินความคงทนต่อการซัก การทดสอบนี้ช่วยให้มั่นใจว่าลายสกรีนจะไม่แตก ลอก หรือสีซีดจางหลังจากการซักตามคำแนะนำ

 

การทดสอบยืด-หดนั้นก็ควร โดยช่างอาจลองยืดผ้าบริเวณที่สกรีนออกและปล่อยให้กลับมาหดตัว เพื่อดูว่าลายสกรีนมีการแตกหรือไม่ รวมถึงการทดสอบรอยขีดข่วน อาจใช้เล็บหรือวัสดุที่เหมาะสมลองขูดเบาๆ บนลายสกรีน เพื่อดูว่าหมึกหลุดลอกง่ายหรือไม่ และสิ่งที่ต้องเช็คคือการซักทดสอบ สำหรับงานผลิตจำนวนมาก โรงงานอาจมีการสุ่มหมวกบางใบไปซักตามคำแนะนำ เพื่อดูผลลัพธ์หลังการซักจริง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยืนยันคุณภาพ

 

การผลิตหมวกสกรีนจึงเป็นเรื่องของรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่าแค่การปาดสีลงไปบนผ้า เพราะเรื่องของสกรีน เรื่องสี มันอาจมีปัญหาตามมาในภายหลังไม่ว่าจะเป็น การซักแล้วสีตกบ้าง สีไม่แห้งบ้าง ดังนั้นควรหาโรงงานผลิตที่มีคุณภาพ และให้เขาช่วยทดสอบ รีเช็คงานให้เรียบร้อย เพื่อที่หมวกของเราจะได้ออกมาสวยอย่างไม่มีข้อผิดพลาดใดใด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *