กระเป๋ามีกลิ่นใหม่ กลิ่นแรง ควรแก้ยังไงให้กลิ่นหายไป
ความรู้สึกตื่นเต้นหรืออาการเห่อกับการได้กระเป๋าใบใหม่นั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่บ่อยครั้งที่กลิ่นที่เราไม่ชอบ อย่างพวกกลิ่นฉุนเฉพาะตัวที่มักจะลอยออกมาจากกระเป๋าใหม่เอี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเป๋าที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นหนังเทียม ไนลอน โพลีเอสเตอร์ หรือกระเป๋าที่มีการเคลือบสารกันน้ำ ซึ่งกลิ่นเหล่านี้มักจะเป็นกลิ่นสารเคมีหรือกลิ่นจากกระบวนการผลิตในโรงงาน ซึ่งแม้จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็สร้างความรู้สึกไม่สบาย ทำให้บางคนเกิดอาการเวียนหัว หรือไม่อยากหยิบใช้กระเป๋าใบนั้นเลยทีเดียว การทำความเข้าใจต้นตอของกลิ่นและรู้วิธีจัดการอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้กระเป๋าใบใหม่ของคุณพร้อมใช้งานได้อย่างสบายใจ ไร้กลิ่นกวนใจ
ต้นตอของกลิ่นฉุน
กลิ่นใหม่จากโรงงานที่ว่านี้ ส่วนใหญ่มาจากสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายอย่าง Volatile Organic Compounds หรือ VOCs ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตวัสดุต่างๆ เช่น กาว สารเคลือบ สีย้อม หรือพลาสติก เมื่อวัสดุเหล่านี้ถูกแปรรูปและประกอบขึ้นเป็นกระเป๋า สารเคมีบางส่วนอาจยังคงระเหยออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระเป๋าถูกเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิดเป็นเวลานาน ทำให้กลิ่นสะสมอยู่ภายใน แต่อย่างไรก็ตามกลิ่นเหล่านี้ก็ไม่ได้เกิดจากความสกปรกหรือเชื้อรา แต่เป็นผลพวงจากกระบวนการผลิตนั่นเอง
การระบายอากาศ ปัจจัยสำคัญ
วิธีแรกและสำคัญที่สุดในการจัดการกับกลิ่นใหม่จากโรงงานคือการ ระบายอากาศ การเปิดให้กระเป๋าสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สารเคมีที่ระเหยอยู่ภายในค่อยๆ เจือจางและระเหยออกไปจากวัสดุของกระเป๋าเอง โดยวิธีระบายอากาศที่ควรจะทำก็คือ ผึ่งกระเป๋าในที่โล่ง เมื่อได้กระเป๋าใหม่มา สิ่งแรกที่ควรทำคือแกะออกจากบรรจุภัณฑ์ แล้วนำไป ผึ่งไว้ในที่โล่ง ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เช่น บริเวณระเบียงบ้าน ริมหน้าต่างที่เปิดรับลม หรือในห้องที่มีการหมุนเวียนของอากาศดี การปล่อยให้กระเป๋าได้รับลมและอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้โมเลกุลของกลิ่นฉุนค่อยๆ ระเหยออกไปตามธรรมชาติ
ในระยะเวลาการผึ่ง ควรผึ่งกระเป๋าไว้อย่างน้อย หลายวัน บางครั้งอาจจำเป็นต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือกระทั่งเป็นเดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของกลิ่นและประเภทของวัสดุ ควรหมั่นตรวจสอบกลิ่นเป็นระยะๆ และพลิกด้านกระเป๋าบ้าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ทั่วถึงทุกส่วน หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดโดยตรง แม้การระบายอากาศจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำกระเป๋าไปตากแดดจัดโดยตรง เพราะความร้อนและรังสี UV จากแสงแดดอาจทำให้วัสดุของกระเป๋าเสื่อมสภาพ สีซีดจาง หรือหนังแห้งแตกได้ โดยเฉพาะกระเป๋าที่ทำจากหนังแท้หรือหนังเทียม การผึ่งในที่ร่ม มีลมโกรก จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
การดูดซับกลิ่นกระเป๋า
นอกจากการระบายอากาศแล้ว การใช้สารดูดซับกลิ่นยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเร่งกระบวนการกำจัดกลิ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลิ่นที่ฝังแน่นอยู่ในเนื้อวัสดุ “ถ่านไม้ไผ่” เป็นสุดยอดสารดูดซับกลิ่นจากธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับในเรื่องประสิทธิภาพ ด้วยโครงสร้างรูพรุนขนาดเล็กจำนวนมหาศาล ถ่านไม้ไผ่สามารถดักจับโมเลกุลของกลิ่นสารเคมีและความชื้นได้อย่างดีเยี่ยม เพียงนำ ถุงถ่านไม้ไผ่ ที่ออกแบบมาสำหรับการดูดซับกลิ่นโดยเฉพาะ วางไว้ในช่องต่างๆ ของกระเป๋า หรือวางไว้ในช่องหลักและปิดซิปกระเป๋าไว้ ถ่านจะค่อยๆ ทำหน้าที่ดูดซับกลิ่นเหล่านั้น และที่สำคัญ ถ่านไม้ไผ่ยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำไปตากแดดจัดๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อเดือน เพื่อให้รูพรุนเปิดออกและพร้อมดูดซับกลิ่นอีกครั้ง
อีกอย่างหนึ่งที่ดีไม่แพ้กันก็คือ “เบกกิ้งโซดา” โดยเบกกิ้งโซดา หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นสารจากธรรมชาติอีกชนิดที่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นและปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่างของอากาศ ซึ่งช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี การใช้เบกกิ้งโซดาเพื่อกำจัดกลิ่นในกระเป๋าทำได้ง่ายๆ เพียงตักเบกกิ้งโซดาประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ใส่ในถุงผ้าโปร่ง ถุงน่องเก่าที่สะอาด หรือถุงเท้าบางๆ แล้วผูกปากถุงให้แน่น จากนั้นนำไปวางไว้ในกระเป๋า ปล่อยทิ้งไว้หลายวันหรือจนกว่ากลิ่นจะจางหายไป ควรเปลี่ยนเบกกิ้งโซดาใหม่ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ประสิทธิภาพในการดูดซับยังคงดีอยู่
การผสานวิธีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เพื่อการกำจัดกลิ่นใหม่จากโรงงานได้อย่างหมดจดและรวดเร็ว ควรผสานวิธีการระบายอากาศกับการใช้สารดูดซับกลิ่นเข้าด้วยกัน ให้เริ่มต้นด้วยการผึ่ง เมื่อได้กระเป๋ามา ให้แกะออกจากบรรจุภัณฑ์ทันที และนำไปผึ่งลมในที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก เป็นเวลา 2-3 วันแรก เพื่อให้กลิ่นหลักๆ ระเหยออกไป อย่าลืมตัวช่วยเสริมอย่างสารดูดซับ หลังจากผ่านการผึ่งลมไปแล้ว หากกลิ่นยังคงอยู่ หรือต้องการเร่งให้กลิ่นหายไปเร็วขึ้น ให้นำถุงถ่านไม้ไผ่ หรือถุงเบกกิ้งโซดาใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วปิดซิปกระเป๋าไว้ เพื่อให้สารดูดซับทำงานได้อย่างเต็มที่ และควรนำกระเป๋าออกมาผึ่งลมอีกครั้งเป็นระยะๆ สลับกับการใช้สารดูดซับ
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องใช้เวลา กลิ่นใหม่จากโรงงานบางครั้งอาจใช้เวลานานในการจางหายไป ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารเคมีและประเภทของวัสดุ ความอดทนและการทำตามขั้นตอนอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บางทีมันอาจไม่ได้กลิ่นหายรวดเร็วทันใจเราขนาดนั้น
การจัดการกับกลิ่นใหม่จากโรงงานในกระเป๋าไม่ได้เป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในธรรมชาติของกลิ่นและการประยุกต์ใช้วิธีการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการระบายอากาศอย่างถูกวิธี หรือการใช้ตัวช่วยจากธรรมชาติ การปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้กระเป๋าใบใหม่ของคุณหอมสดชื่นและพร้อมใช้งานได้อย่างสบายใจไร้กังวลแน่นอน ทั้งนี้เราได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นกระเป๋าไว้หลายบทความ หากใครสนใจสามารถพิมพ์หาว่า กระเป๋ามีกลิ่น ได้ แล้วบทความที่เกี่ยวข้องก็จะขึ้นมาให้คุณทันที