กระเป๋ามีกลิ่น แก้ยังไง สาเหตุและวิธีขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์

กระเป๋ามีกลิ่น แก้ยังไง สาเหตุและวิธีขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์

กระเป๋ามีกลิ่น แก้ยังไง สาเหตุและวิธีขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์

กระเป๋าคู่ใจที่เราใช้ทุกวันมักเจออะไรต่อมิอะไรมาเยอะ ทั้งเหงื่อ คราบสกปรก หรือแม้แต่อาหารที่เผลอทำหกใส่ จนบางทีก็มี กลิ่นไม่พึงประสงค์ โชยออกมา ทำให้เสียความมั่นใจไปไม่น้อยเลยใช่ไหม? ปัญหากลิ่นอับในกระเป๋าเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็เจอได้ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะมีวิธีจัดการและป้องกันให้กระเป๋าของคุณกลับมา หอมสดชื่น ได้อีกครั้ง

 

สาเหตุหลักของกลิ่นมาจากไหน

ก่อนจะแก้ปัญหา เราต้องรู้ก่อนว่ากลิ่นเหม็นในกระเป๋ามาจากไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นก็ตาม อย่างแรกที่มักจะเป็นคงหนีไม่พ้น “ความชื้น” นี่คือตัวการอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหกใส่ เหงื่อที่ซึมจากของที่ใส่ หรือความชื้นในอากาศที่กระเป๋าดูดซับไว้ ความชื้นเป็นสภาพแวดล้อมชั้นดีให้แบคทีเรียและเชื้อราเติบโต ทำให้เกิดกลิ่นอับชื้น สาเหตุต่อมาก็คงเป็น “เหงื่อ” โดยเฉพาะกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าสะพายข้างที่สัมผัสกับร่างกายโดยตรง เหงื่อสามารถซึมเข้าไปในเนื้อผ้าและเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่น

 

หรืออาจจะเป็น “อาหารหกหรือเศษอาหาร” อย่างพวกเศษอาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่ตกค้าง หรือน้ำที่ซึมจากขวดน้ำอาหารที่ไม่ได้ปิดสนิท สามารถเน่าเสียและก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นเปรี้ยวหรือกลิ่นอับได้ นำไปถึงการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา เมื่อมีความชื้นและแหล่งอาหาร แบคทีเรียและเชื้อราก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว กลิ่นอับที่เราได้กลิ่นส่วนใหญ่ก็มาจากกิจกรรมของพวกมันนี่แหละ หรืออาจจะเกิดจากกลิ่นจากวัสดุ กระเป๋าใหม่บางใบอาจมีกลิ่นเฉพาะตัวจากวัสดุที่ใช้ผลิต เช่น กลิ่นหนัง หรือกลิ่นเคมีจากกระบวนการผลิต ซึ่งมักจะจางหายไปเองเมื่อใช้งานไปสักพัก

 

วิธีแก้ปัญหากลิ่นอับในกระเป๋าผ้า

กระเป๋าผ้าและแคนวาสจัดการกลิ่นได้ค่อนข้างง่าย เพราะส่วนใหญ่สามารถซักทำความสะอาดได้ แนะนำให้ซักด้วยน้ำยาเฉพาะ โดยนำของทั้งหมดออกจากกระเป๋า คว่ำกระเป๋าแล้วสะบัดให้เศษผงเล็กๆ หลุดออก ผสมน้ำอุ่นกับ น้ำยาซักผ้าสำหรับผ้าสี หรือน้ำยาซักผ้าเด็กแบบอ่อนๆ ในภาชนะ ใช้แปรงขนนุ่ม หรือฟองน้ำ จุ่มน้ำยาแล้วขัดเบาๆ เน้นบริเวณที่มีคราบและมีกลิ่นอับ ล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด ห้ามบิดหรือขยี้แรงๆ เพราะอาจทำให้กระเป๋าเสียทรง ถ้าซักเครื่อง (หากระบุว่าซักได้) ก็อย่าลืมตรวจสอบป้าย Care Label ของกระเป๋าเสมอว่าซักเครื่องได้หรือไม่ ถ้าได้ ให้นำกระเป๋าใส่ ถุงซักผ้า (Laundry Bag) เลือกโปรแกรมซักแบบถนอมผ้า (Delicate Cycle) และใช้น้ำเย็น หรือน้ำอุ่น

 

การทำความสะอาดเฉพาะจุด อย่างการใช้เบกกิ้งโซดา ให้โรยเบกกิ้งโซดาปริมาณพอสมควรให้ทั่วด้านในกระเป๋า โดยเฉพาะบริเวณที่มีกลิ่นแรง ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน หรืออย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับกลิ่นอับ ใช้เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กดูดเบกกิ้งโซดาออกให้หมด หรือใช้แปรงขนนุ่มๆ ปัดออก เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว หรือหลังจากใช้งานมาทั้งวัน ควรผึ่งกระเป๋าในที่โล่ง มีอากาศถ่ายเทดี เพื่อให้ความชื้นระเหยออกไป และตากแดดอ่อนๆ สำหรับกระเป๋าผ้าสีอ่อนที่มั่นใจว่าสีจะไม่ซีด สามารถนำไปตากแดดอ่อนๆ ได้ แต่ไม่ควรตากแดดจัดเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้สีซีดจาง หรือผ้ากรอบได้ ควรพลิกด้านในออกตากด้วย ขณะตาก ควรอ้าปากกระเป๋าให้กว้างที่สุด หรือยัดกระดาษหนังสือพิมพ์ (ที่ไม่หมึกเยอะ) หรือผ้าขนหนูสะอาดๆ เข้าไปในกระเป๋า เพื่อช่วยรักษารูปทรงและช่วยดูดซับความชื้นเพิ่มเติม

 

วิธีแก้ปัญหากลิ่นในกระเป๋าหนัง

กระเป๋าหนังต้องดูแลเป็นพิเศษ ห้ามซักน้ำเด็ดขาด และหลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง โดยให้ใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูเจือจางเช็ด ผสมน้ำส้มสายชูขาว 1 ส่วน กับน้ำสะอาด 1 ส่วน จากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่ม ชุบน้ำส้มสายชูที่ผสมแล้ว บิดให้หมาดที่สุด (แทบไม่มีน้ำ) แล้วเช็ดเบาๆ ให้ทั่วด้านในกระเป๋า และผึ่งกระเป๋าในที่ร่ม มีลมโกรก เพื่อให้น้ำส้มสายชูระเหยไปพร้อมกับกลิ่นอับ กลิ่นน้ำส้มสายชูจะหายไปเองเมื่อแห้ง แนะนำให้ทดสอบในจุดที่มองไม่เห็นก่อนเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทิ้งคราบหรือเปลี่ยนสีหนัง

 

การใช้ถ่านดูดกลิ่นก็เป็นที่นิยมอยู่เหมือนกัน โดยให้นำ ถ่านไม้ไผ่ หรือ ถ่านหุงข้าว (ที่ไม่ได้ใช้แล้ว) มาใส่ในถุงผ้าโปร่งๆ หรือถุงน่องเก่าๆ มัดปากถุงให้แน่น จากนั้นก็วางถุงถ่านไว้ในกระเป๋า ทิ้งไว้ข้ามคืน หรือหลายวัน ถ่านจะช่วยดูดซับกลิ่นอับได้อย่างดีเยี่ยม แล้วก็ให้เปิดซิป เปิดฝากระเป๋าให้กว้างที่สุด เพื่อนำกระเป๋าไปผึ่งในที่ร่ม ที่มีลมโกรก อากาศถ่ายเทได้ดี เป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเด็ดขาด เพราะแสงแดดจะทำให้หนังแห้ง แตก และสีซีดจาง

 

ผลิตภัณฑ์ช่วยดูดซับกลิ่น

นอกจากวิธีธรรมชาติแล้ว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ช่วยได้เยอะเลย โดยที่ควรซื้อพกติดไว้เลยก็จะมี ถุงดูดความชื้น (Silica Gel Packets) มักมาพร้อมกับรองเท้า หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เก็บไว้แล้วนำมาใส่ในกระเป๋า ช่วยดูดซับความชื้น, ถุงถ่านไม้ไผ่ มีขายทั่วไป เป็นถ่านไม้ไผ่เม็ดเล็กๆ บรรจุในถุงผ้า ช่วยดูดซับกลิ่นและปรับสมดุลความชื้นได้ดี, ก้อนดับกลิ่น/เจลดูดกลิ่นสำหรับตู้เสื้อผ้า สามารถนำมาวางไว้ในกระเป๋าขณะจัดเก็บได้ ช่วยให้กระเป๋ามีกลิ่นหอมอ่อนๆ และสเปรย์ระงับกลิ่นเฉพาะสำหรับกระเป๋า บางแบรนด์มีสเปรย์ที่ออกแบบมาเพื่อขจัดกลิ่นอับในกระเป๋าโดยเฉพาะ ควรเลือกที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง และไม่ทิ้งคราบ

 

การป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์

จำไว้เลยว่า “กันไว้ย่อมดีกว่าแก้” วิธีที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือการป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นตั้งแต่แรก โดยสิ่งที่เราควรทำก็คือการทำความสะอาดเป็นประจำ ให้ทำความสะอาดภายใน โดยการคว่ำกระเป๋า สะบัดเศษผง ดูดฝุ่นด้านใน (ถ้าทำได้) และเช็ดทำความสะอาดภายในด้วยผ้าหมาดๆ เป็นประจำ และทำความสะอาดภายนอก โดยการเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกภายนอกกระเป๋าตามประเภทวัสดุ

 

หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้น ร่มเปียก หรือขวดน้ำที่อาจรั่วลงในกระเป๋าโดยตรง หากจำเป็นต้องใส่ ควรใส่ในถุงพลาสติก หรือถุงกันน้ำอีกชั้น และเมื่อไม่ใช้งาน ควรเก็บกระเป๋าในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี เช่น ในตู้เสื้อผ้าที่ไม่แออัด หรือในถุงผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงการเก็บในห้องเก็บของที่อับชื้น หรือในถุงพลาสติกปิดสนิท อย่าลืมว่าทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน หลังใช้งานกระเป๋ามาทั้งวัน ควรอ้าปากกระเป๋าให้กว้าง และผึ่งไว้ในที่โล่งสักพัก ก่อนที่จะเก็บเข้าที่

 

การดูแลกระเป๋าคู่ใจให้สะอาดและปราศจากกลิ่น ไม่ใช่แค่เรื่องของสุขอนามัย แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งาน และทำให้คุณมั่นใจในทุกๆ วันที่ต้องหยิบกระเป๋าขึ้นมาใช้ เพราะหากเราปล่อยปะละเลยไม่ดูแลกระเป๋า วางทิ้งไว้ ก็อาจจะมีกลิ่นต่างๆ หรือการที่วัสดุของตัวกระเป๋าเองอาจมีรา หรือคราบใดใดขึ้นก็ได้ ดังนั้นการป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นอะไรที่ดีกว่าอยู่แล้ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *