ทรงเสื้อกีฬา ไม่ได้มีแค่ทรงเดียว ทรงยอดฮิตมีอะไรบ้าง
เคยสังเกตไหมว่าทำไมเสื้อกีฬาบางตัวใส่แล้วดูดีมาก เข้ารูปไปหมด แต่บางตัวใส่แล้วดูหลวม พรางหุ่นได้ดี หรือบางตัวก็โชว์สัดส่วนแบบจัดเต็ม นั่นเป็นเพราะว่าเสื้อกีฬามีหลากหลายทรง ไม่ได้มีแค่ไซส์ S M L แต่การตัดเย็บและแพทเทิร์นที่แตกต่างกันก็ส่งผลต่อลุคและฟังก์ชันการใช้งานอย่างมาก การรู้จักทรงเสื้อกีฬาแต่ละแบบจะช่วยให้คุณเลือกเสื้อที่ใช่ เหมาะกับรูปร่าง ไลฟ์สไตล์ และการทำกิจกรรมที่เราชอบได้อย่างไม่อึดอัด
ทำความเข้าใจกับคำว่า “Fit” ของเสื้อกีฬา
ก่อนจะเจาะลึกแต่ละทรง มาทำความเข้าใจภาพรวมของคำว่า “ฟิต” (Fit) หรือ “ความกระชับ” ของเสื้อกีฬากันก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตใช้แบ่งประเภทเสื้อ โดยปกติจะแบ่งได้เป็น 3-4 ระดับหลักๆ คือ
: Compression Fit (กระชับแน่น/รัดกล้ามเนื้อ) ทรงนี้จะแนบไปกับลำตัวเหมือนผิวหนังชั้นที่สอง ออกแบบมาเพื่อกระชับกล้ามเนื้อ ลดการสั่นสะเทือนขณะออกกำลังกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดอาการบาดเจ็บ
: Slim Fit / Athletic Fit (เข้ารูป/กระชับพอดี) ทรงนี้จะเข้ารูปตามสรีระ แต่ไม่รัดแน่นจนเกินไป ยังคงความสบายในการเคลื่อนไหว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโชว์รูปร่างเล็กน้อย
: Regular Fit / Standard Fit (ทรงปกติ/ตรง) ทรงคลาสสิกที่ไม่ได้รัดหรือหลวมจนเกินไป มีพื้นที่รอบตัวพอสมควร ให้ความสบายในการสวมใส่และเคลื่อนไหว
: Loose Fit / Relaxed Fit / Oversized (ทรงหลวม/ใหญ่พิเศษ) ทรงนี้จะหลวมกว่าไซส์ปกติมาก ให้ความรู้สึกสบาย ระบายอากาศได้ดี และเป็นที่นิยมในแฟชั่นสตรีทแวร์
ทรงเสื้อกีฬาที่คนนิยมกับสิ่งที่คนไม่ค่อยรู้กัน
มาเจาะลึก ทรงเสื้อกีฬา แต่ละแบบที่เห็นได้บ่อยๆ และเป็นที่นิยมในวงการกีฬากับแฟชั่นกันดีกว่าว่าจะมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทนั้นดีอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่
เสื้อยืดกีฬา (Performance T-shirt)
เป็นทรงที่เบสิกที่สุด แต่มีความหลากหลายในฟิตมากที่สุด ขึ้นอยู่กับแบรนด์และวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยลักษณะเด่น มักทำจากผ้าใยสังเคราะห์ (Polyester, Spandex) ที่ระบายเหงื่อและแห้งเร็ว มีทั้งคอกลมและคอวี ทรงยอดนิยมของเสื้อกีฬาประเภทนี้ก็จะมี Regular Fit / Standard Fit ทรงมาตรฐานที่ใส่สบาย ไม่รัดหรือหลวมเกินไป เหมาะกับกิจกรรมทั่วไปและการใส่ในชีวิตประจำวัน โดยบางรุ่นจะมี “ชายเสื้อด้านหลังยาวกว่าด้านหน้าเล็กน้อย” เพื่อปกปิดช่วงบั้นท้ายได้ดีขึ้นเวลาเคลื่อนไหว เช่น ตอนย่อตัวหรือยกแขน,
ทรง Slim Fit / Athletic Fit เข้ารูปมากขึ้น เน้นสรีระ เหมาะกับการวิ่ง ฟิตเนส หรือคนที่ต้องการโชว์กล้ามเนื้อ และทรง Loose Fit / Oversized ทรงหลวมๆ ใหญ่ๆ เน้นความสบาย ระบายอากาศดี และเป็นที่นิยมในแฟชั่นสตรีทแวร์ โดยเสื้อทรงนี้ที่ถูกต้องจะมี “จุดตกไหล่” ที่พอดี (ไม่เลยไปถึงกลางแขน) และ “ความยาวเสื้อ” ที่ไม่ยาวจนเกินไป ทำให้ยังคงความเท่ ไม่ดูเหมือนยืมเสื้อคนอื่นมาใส่ อีกทั้งเสื้อยืดกีฬานั้นเหมาะกับทุกคน ทุกกิจกรรม ตั้งแต่การออกกำลังกายเบาๆ ไปจนถึงการใส่ในชีวิตประจำวัน
เสื้อกล้ามกีฬา (Tank Top / Sleeveless)
ต้องบอกเลยว่าเสื้อกล้ามเป็นอีกหนึ่งไอเทมยอดฮิต โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน หรือสำหรับการออกกำลังกายที่เน้นการเคลื่อนไหวแขน โดยลักษณะเด่นจะเป็นการที่เสื้อประเภทนี้ ไม่มีแขน ทำให้ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม และเคลื่อนไหวช่วงไหล่และแขนได้อย่างอิสระ มักทำจากผ้าแห้งเร็ว ทรงที่นิยมก็จะมี Athletic Fit กระชับเข้ารูป โชว์กล้ามเนื้อช่วงไหล่และหลัง เหมาะสำหรับนักเพาะกายหรือคนที่มั่นใจในรูปร่าง เสื้อกล้ามกีฬาบางรุ่นมีการตัดเย็บแบบ “Racerback” คือสายด้านหลังจะรวมกันเป็นเส้นเดียวที่กลางหลัง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้ช่วงสะบัก และดูมีสไตล์มากขึ้น และอีกทรงก็คือ Relaxed Fit / Loose Fit ทรงหลวมๆ สบายๆ เหมาะสำหรับใส่ลำลอง หรือเล่นกีฬาที่ต้องการความพลิ้วไหว เช่น บาสเกตบอล โดยเสื้อกล้ามกีฬานั้นเหมาะมากกับคนที่ชอบความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวแขน, คนขี้ร้อน, หรือคนที่ต้องการโชว์รูปร่างช่วงบน
เสื้อโปโลกีฬา (Athletic Polo Shirt)
เสื้อโปโลเป็นทรงที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความสปอร์ตและความสุภาพ ทำให้ใส่ได้หลากหลายโอกาสมากขึ้น โดยจะมีลักษณะเด่น ก็คือมีคอปกและกระดุม 2-3 เม็ด มักทำจากผ้าปิเก้ Piqué (มีลายทอเป็นเม็ดเล็กๆ) หรือผ้า Performance Fabric ที่ระบายอากาศได้ดี โดยทรงยอดนิยมของเสื้อประเภทนี้ก็จะมีทรง Classic Fit / Standard Fit เป็นทรงมาตรฐานที่ใส่สบาย ไม่เข้ารูปมากเกินไป ให้ลุคที่ดูสุภาพ, ทรง Slim Fit / Athletic Fit ที่จะช่วยให้เข้ารูปมากขึ้นเล็กน้อย เน้นสรีระ ให้ลุคที่ดูทันสมัยและกระฉับกระเฉง ต้องบอกเลยว่าเสื้อโปโลกีฬาหลายตัวมีการใช้เทคโนโลยี “Anti-Odor” เพื่อลดกลิ่นอับจากเหงื่อ ทำให้เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน หรือใส่ทำงานในวันสบายๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น เสื้อกีฬาประเภทโปโลนั้นเหมาะกับคนที่ต้องการลุคที่ดูดี ดูสมาร์ท สามารถใส่ไปทำงาน หรือเล่นกีฬาที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวรุนแรงมาก เช่น กอล์ฟ เทนนิสได้
เสื้อแขนยาวกีฬา (Long-Sleeve Performance Top)
เหมาะสำหรับวันที่อากาศเย็นลง หรือต้องการปกป้องผิวจากแสงแดดหรือลม โดยจะมีลักษณะเด่นคือ แขนยาว คลุมถึงข้อมือ มักทำจากผ้าที่มีคุณสมบัติให้ความอบอุ่น แต่ยังคงระบายอากาศได้ดี โดยทรงที่นิยมก็จะมีทรง Fitted / Slim Fit ที่เข้ารูปพอดีตัว เพื่อให้ความอบอุ่นและกระชับกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับวิ่ง หรือกิจกรรมกลางแจ้งในอากาศเย็น เสื้อแขนยาวบางรุ่นจะมี “รูสอดนิ้วหัวแม่มือ” (Thumbholes) ที่ปลายแขน เพื่อช่วยให้แขนเสื้อไม่ร่นขึ้นมาระหว่างการเคลื่อนไหว และช่วยให้มืออบอุ่นขึ้นด้วย อีกทรงก็คือ ทรง Relaxed Fit เป็นทรงหลวมขึ้นเล็กน้อย เหมาะสำหรับใส่ลำลอง หรือเป็นเสื้อชั้นนอกสำหรับวันสบายๆ เสื้อทรงนี้จะเหมาะกับคนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งในสภาพอากาศเย็น, ต้องการปกป้องผิวจากแสงแดด, หรือใส่เป็นแฟชั่นแนวสปอร์ตหน่อยๆ
เสื้อฮู้ดดี้กีฬา (Athletic Hoodie / Sweatshirt)
เป็นเสื้อสปอร์ตที่ให้ทั้งความอบอุ่น สบาย และเป็นแฟชั่นได้ในตัว โดยลักษณะเด่นคือการมีหมวกฮู้ดคลุมศีรษะ และมักมีกระเป๋าจิงโจ้ด้านหน้า ทำจากผ้าที่ให้ความอบอุ่น ทรงยอดฮิตก็จะมีทรง Relaxed Fit / Oversized ส่วนใหญ่เสื้อฮู้ดดี้จะมาในทรงหลวมๆ เพื่อความสบายในการสวมใส่ และเป็นที่นิยมในแฟชั่นสตรีทแวร์ เสื้อฮู้ดดี้กีฬาบางรุ่นจะทำจาก “ผ้าที่มีน้ำหนักเบาและแห้งเร็ว” (Lightweight Quick-dry Fabric) แทนที่จะเป็นผ้าหนาๆ เพื่อให้สามารถใส่ซ้อนเป็นเลเยอร์ หรือใส่ในวันสบายๆ ที่ไม่หนาวมากได้ เสื้อกีฬาประเภทนี้เหมาะกับคนที่อยากใส่ลำลองในวันสบายๆ, เป็นเสื้อคลุมออกกำลังกาย, หรือใส่เป็นแฟชั่นสตรีท
การเลือก ทรงเสื้อกีฬา ที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ความรู้สึกสบายตัว และความมั่นใจในทุกกิจกรรม ลองพิจารณาไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณ แล้วคุณจะพบว่าเสื้อกีฬาดีๆ ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชัน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมบุคลิกและสไตล์ของเราให้ดูดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ