บงคืออะไร ทำไมแท่งไฟถึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของแฟนด้อม

บงคืออะไร ทำไมแท่งไฟถึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของแฟนด้อม

บงคืออะไร ทำไมแท่งไฟถึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของแฟนด้อม

เคยไปคอนเสิร์ต K-Pop หรือ J-Pop กันไหม ถ้าเคย คุณจะเห็นคลื่นเวฟแสงไฟระยิบระยับที่สว่างไสวไปทั่วฮอลล์ นั่นแหละคือพลังของ “บง” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ แท่งไฟเชียร์ศิลปิน (Light Stick) สำหรับแฟนคลับนั้นแท่งไฟไม่ใช่แค่ของประดับ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความหมาย ความผูกพัน และเป็นหัวใจสำคัญที่เชื่อมโยงแฟนคลับเข้ากับศิลปินและเพื่อนร่วมด้อมได้อย่างน่าทึ่ง โดย T-Pop ของไทยเราก็ได้มีทำกันบ้างแล้วในบางวง

 

เจาะลึกความหมายและที่มาของ “บง” ในวัฒนธรรมศิลปิน

คำว่า “บง” (봉) มาจากภาษาเกาหลีที่แปลว่า “แท่ง” หรือ “ไม้” โดยมักใช้เรียกแท่งไฟเชียร์ศิลปินในวงการ K-Pop ส่วนในฝั่ง J-Pop อาจเรียกว่า “เพนไลต์” (Penlight) หรือ “ไซเลียม” (Cyalume) ซึ่งเป็นชื่อของเคมีภัณฑ์เรืองแสง แต่ไม่ว่าจะเรียกอะไร หัวใจของมันก็คือการเป็นอุปกรณ์เรืองแสงที่แฟนคลับใช้เพื่อแสดงการสนับสนุนในคอนเสิร์ตหรืออีเวนต์ต่างๆ

 

แท่งไฟไม่ได้เกิดขึ้นมาพร้อมความซับซ้อนแบบทุกวันนี้ ในยุคแรกๆ ของวงการ K-Pop และ J-Pop แฟนคลับมักใช้แท่งไฟเคมีเรืองแสงแบบใช้แล้วทิ้ง หรือแท่งไฟ LED แบบง่ายๆ ที่มีปุ่มเปิด-ปิดธรรมดา เพื่อโบกเชียร์ศิลปินในคอนเสิร์ต ส่วนวง K-Pop ยุคบุกเบิกหลายวงที่ไม่ได้มีแท่งไฟเป็นทางการ แฟนคลับจะใช้สีประจำวงเพื่อบ่งบอกตัวตน เช่น แฟนคลับ H.O.T. ใช้สีขาว, แฟนคลับ S.E.S. ใช้สีม่วง แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นและวงการเติบโตขึ้น แบรนด์ของแท่งไฟที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละวงก็เริ่มเข้ามามีบทบาท

 

จากแค่แท่งไฟ สู่ “ตัวตนของด้อม” เพราะในปัจจุบัน แท่งไฟของแต่ละวงไม่ได้เป็นแค่แท่งเรืองแสง แต่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้มีรูปลักษณ์และสัญลักษณ์เฉพาะตัวของวงนั้นๆ อย่างชัดเจน เช่น

 

ARMY Bomb ของ BTS ที่มีลักษณะเหมือนลูกโลกที่มีสัญลักษณ์คล้ายระเบิด

Candy Bong ของ TWICE ที่มีรูปทรงเหมือนลูกอมสีชมพู-ขาว

MOA Bong ของ TXT ที่มีรูปทรงคล้ายมงกุฎ

NCTzen Bong ของ NCT ที่มีลักษณะเป็นแท่งไฟสีเขียวนีออน

การออกแบบเหล่านี้ทำให้แท่งไฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของ “อัตลักษณ์ของแฟนด้อม” การได้ถือแท่งไฟของวงที่ตัวเองรัก จึงเป็นเหมือนการถือธงประจำตัวตนของแฟนด้อมนั้นๆ และเป็นสิ่งที่บอกคนทั้งโลกอย่างชัดเจนว่า ฉันคือแฟนคลับตัวยงของวงนี้นั่นเอง

 

บทบาทของบงที่สำคัญ

แท่งไฟมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างประสบการณ์คอนเสิร์ตที่ไม่เหมือนใคร โดยจะแสดงถึงพลัง ความผูกพัน และสร้างบรรยากาศในคอนเสิร์ต

 

แสดงพลังแฟนด้อม เมื่อแท่งไฟนับหมื่นนับแสนดวงถูกจุดขึ้นพร้อมกันในฮอลล์คอนเสิร์ต มันคือภาพของ คลื่นทะเลแห่งแสงสี ที่สวยงามและทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ คลื่นหรือเวฟแสงนี้คือการแสดงออกถึงจำนวนของแฟนคลับที่มารวมตัวกัน ความสามัคคี และการสนับสนุนศิลปินอย่างเต็มที่ เป็นภาพที่ศิลปินเองก็ประทับใจและรู้สึกถึงพลังจากแฟนๆ ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสร้างความผูกพันกับศิลปิน ศิลปินสามารถมองเห็นสีของแท่งไฟในฮอลล์ และรับรู้ได้ถึงความรักที่แฟนๆ มอบให้ การที่แฟนคลับโบกแท่งไฟไปตามจังหวะเพลง หรือตามที่ศิลปินบอก เป็นการสื่อสารแบบไม่มีคำพูดที่สร้างความผูกพันระหว่างศิลปินกับแฟนๆ ได้อย่างลึกซึ้ง

 

สร้างบรรยากาศในคอนเสิร์ต แท่งไฟช่วยสร้างบรรยากาศคอนเสิร์ตให้มีชีวิตชีวาและน่าตื่นตาตื่นใจ แสงไฟที่เปลี่ยนสีไปตามเพลง หรือการสร้าง Wave แสงไฟที่เคลื่อนไหวพร้อมกันทั้งฮอลล์ คือประสบการณ์ร่วมที่ยากจะลืมเลือน เป็นสิ่งที่ทำให้คอนเสิร์ตแตกต่างจากการฟังเพลงอยู่ที่บ้าน แถมยังถือว่าทำให้เราที่ไปรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเชียร์ แท่งไฟไม่ได้มีไว้แค่โบก แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเชียร์เพลงด้วย โดยเฉพาะในวัฒนธรรม K-Pop ที่มีการ “แฟนชานต์” (Fanchant) หรือการตะโกนชื่อศิลปิน/เนื้อเพลงพร้อมกัน การโบกแท่งไฟไปพร้อมๆ กันก็ยิ่งเพิ่มความสามัคคีและพลังเสียงเชียร์

 

วิวัฒนาการของแท่งไฟ

ต้องบอกเลยว่าแท่งไฟนั้นได้พัฒนาไปไกลมากจากยุคเริ่มต้น ในส่วนของยุคแรก จะเป็นเพียงแท่งไฟเคมีและ LED พื้นฐาน ในช่วงแรก แท่งไฟมักเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง (เคมีเรืองแสง) หรือแท่งไฟ LED ที่มีปุ่มเปิด-ปิดและเปลี่ยนสีได้ไม่กี่สี ราคาไม่แพง เข้าถึงง่าย แต่ยังไม่มีลูกเล่นมากนัก ต่อมาก็เริ่มพัฒนาแท่งไฟให้มีแบตเตอรี่และดีไซน์เฉพาะวง โดยเริ่มมีการพัฒนาแท่งไฟที่ใช้แบตเตอรี่ (ถ่าน AA/AAA) ทำให้ใช้ซ้ำได้ และแต่ละวงก็เริ่มมีดีไซน์แท่งไฟเป็นของตัวเอง ทำให้เกิดการสะสมแท่งไฟประจำวงขึ้นมา

 

ตัดภาพมาที่ยุคปัจจุบัน บอกเลยว่าแท่งไฟรุ่นใหม่ๆ มาพร้อมเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้ และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ การที่แท่งไฟสามารถ “ควบคุมจากส่วนกลาง” (Central Control) ได้ในคอนเสิร์ตอีกด้วย ในคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ทีมงานจะสามารถควบคุมแท่งไฟของแฟนคลับทุกคนที่เชื่อมต่ออยู่ ให้เปลี่ยนสีพร้อมกัน สว่าง-หรี่ หรือกระพริบตามจังหวะเพลงหรือเอฟเฟกต์บนเวทีได้ ทำให้ทั้งฮอลล์กลายเป็นทะเลแห่งแสงสีที่เคลื่อนไหวไปพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกขั้น โดยฟังก์ชั่นนี้ทำให้แฟนคลับไม่จำเป็นต้องคอยเปลี่ยนสีแท่งไฟด้วยตัวเอง แต่สามารถดื่มด่ำกับคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มที่ และยังเพิ่มความเป็นระเบียบและสวยงามของภาพรวมแสงสีในฮอลล์ด้วย

 

แท่งไฟหรือบงนั้น ถือเป็นมากกว่าแค่แท่งเรืองแสง แต่มันคือสัญลักษณ์แห่งความหลงใหล ความสามัคคี และความผูกพันที่แฟนคลับมีต่อศิลปิน เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมแฟนด้อมของ K-Pop, J-Pop และ T-Pop ของไทยมีเอกลักษณ์และแข็งแกร่งอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ว่าเรารักในตัวศิลปินและพร้อมจะซัพพอร์ตพวกเขาให้ไปถึงฝันจนเป็นดาวค้างฟ้าตลอดไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *