ราคาเสื้อ คิดยังไงดี Checklist ก่อนตั้งราคาขายเสื้อแบรนด์ตัวเอง

ราคาเสื้อ คิดยังไงดี Checklist ก่อนตั้งราคาขายเสื้อแบรนด์ตัวเอง

ราคาเสื้อ คิดยังไงดี Checklist ก่อนตั้งราคาขายเสื้อแบรนด์ตัวเอง

การตั้งราคาขายเสื้อแบรนด์ใหม่ไม่ใช่เรื่องของการเดาหรือเลือกตัวเลขที่รู้สึกว่าเหมาะสมอย่างเดียว เพราะเบื้องหลังตัวเลขหนึ่งตัว มีทั้งต้นทุน ภาพลักษณ์ของแบรนด์ พฤติกรรมของผู้บริโภค และอนาคตของธุรกิจซ่อนอยู่ การรีบร้อนตั้งราคาโดยไม่ผ่านการคิดอย่างรอบคอบ อาจทำให้เสื้อขายยาก หรือแย่กว่านั้นคือขายได้แต่ไม่มีกำไรพอสำหรับให้ธุรกิจไปต่อได้

 

ดังนั้นการใช้วิธี Checklist ก่อนตัดสินใจลงราคาจริงจึงเป็นเหมือนแผนที่ ที่ช่วยให้เจ้าของแบรนด์เดินอยู่บนเส้นทางที่มั่นคง ไม่หลงไปกับกระแสหรือความรู้สึกส่วนตัวมากเกินไป ลองมาดูกันว่ามีหัวข้ออะไรบ้างที่ควรถามตัวเองทุกครั้ง ก่อนจะใส่ป้ายราคาให้เสื้อตัวแรกจนถึงตัวสุดท้าย

 

Checklist 5 ข้อ ก่อนตั้งราคาขายเสื้อแบรนด์ตัวเอง

ไม่เยอะและไม่น้อยจนเกินไป ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเคาะราคาของเสื้อแบรนด์ของคุณลงตลาด เราอยากให้คุณพิจารณาจาก 5 หัวข้อดังกล่าวนี้ก่อน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กันเลย

 

1. รู้ต้นทุนจริงทุกบาทหรือยัง

สิ่งแรกที่มักถูกมองข้ามคือการรวมต้นทุนทั้งหมด หลายคนคิดถึงแค่ค่าผ้า ค่าเย็บ หรือค่าพิมพ์ลาย แต่ลืมรวมค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมแล้วกลายเป็นเงินก้อน เช่น ค่าขนส่งจากโรงงาน ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าติดป้ายโลโก้ หรือแม้แต่ค่าไฟ ค่าแรงงานที่เกี่ยวข้องทางอ้อม การไม่คำนวณตรงนี้อย่างละเอียด อาจทำให้ราคาที่ตั้งดูเหมือนมีกำไร แต่จริงๆ แล้วกำไรหายไปกับค่าใช้จ่ายแฝงโดยไม่รู้ตัว วิธีที่ดีคือจดทุกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำเสื้อหนึ่งตัวไว้ให้ครบ แล้วนำมาหารเฉลี่ย จะได้ “ต้นทุนจริง” ที่สามารถใช้เป็นฐานในการตั้งราคาได้อย่างมั่นใจ

 

ราคาเสื้อ คิดยังไงดี Checklist ก่อนตั้งราคาขายเสื้อแบรนด์ตัวเอง 1

2. อยากให้แบรนด์ยืนอยู่ตรงไหนในตลาด

ราคาไม่ได้สะท้อนต้นทุนอย่างเดียว แต่ยังสะท้อน “ภาพลักษณ์” ของแบรนด์ด้วย การเลือกว่าต้องการให้เสื้อของตัวเองถูกมองแบบไหนในตลาด จึงเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจก่อนจะกดเครื่องคิดเลขเสียอีก ถ้าอยากให้แบรนด์เข้าถึงง่าย เน้นการขายจำนวนมาก ราคาอาจตั้งไว้ในระดับที่ผู้บริโภครู้สึกว่าไม่ต้องคิดมากก่อนซื้อ แต่ถ้าอยากสร้างภาพลักษณ์พรีเมียม เน้นคุณภาพและความแตกต่าง ราคาที่สูงขึ้นก็จะช่วยส่งสัญญาณให้ผู้บริโภครับรู้ว่าแบรนด์นี้ไม่ใช่สินค้าทั่วไป ซึ่งการรู้ว่าตัวเองอยากยืนอยู่ตรงไหนในตลาด จะช่วยให้ราคาที่ตั้งออกมาไม่สับสน และตรงกับความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมายที่อยากเข้าถึงจริงๆ

 

3. กลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าที่อยากได้คือใคร

แม้เสื้อหนึ่งตัวจะมีต้นทุนเท่ากัน แต่ถ้าขายให้คนละกลุ่ม ราคาก็อาจแตกต่างได้มาก สิ่งสำคัญคือการเข้าใจ “ลูกค้าเป้าหมาย” ว่าเขาเป็นใคร ยอมจ่ายเสื้อตัวละเท่าไหร่ และมองหาอะไรจากการซื้อเสื้อตัวหนึ่ง ถ้าเจาะกลุ่มวัยรุ่นหรือคนทำงานเริ่มต้น ราคาที่เหมาะสมมักจะไม่สูงเกินไป เพราะพวกเขาเน้นความคุ้มค่า แต่ถ้าเจาะกลุ่มคนวัยทำงานที่มีรายได้มั่นคง หรือคนที่ให้ความสำคัญกับแฟชั่น ราคาที่สูงขึ้นเล็กน้อยก็อาจไม่ใช่อุปสรรค ตราบใดที่แบรนด์สื่อสารคุณค่าได้ชัดเจน

 

บอกเลยว่าการรู้จักลูกค้าเป้าหมายชัดเจน จึงช่วยป้องกันการตั้งราคาที่ “หลุดโฟกัส” เช่น ตั้งสูงเกินไปสำหรับกลุ่มที่เน้นความคุ้มค่า หรือถูกเกินไปจนเสียโอกาสในการสร้างภาพลักษณ์ให้กับกลุ่มที่ยอมจ่ายเพื่อความแตกต่าง

 

4. มีเรื่องเล่าหรือคุณค่าที่ทำให้ราคาสมเหตุสมผลรึยัง

เสื้อที่ขายในตลาดไม่ใช่มีแค่เรื่องของผ้าและการตัดเย็บ แต่ยังมี “เรื่องเล่า” และ “คุณค่า” ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าการจ่ายเงินคือการซื้อประสบการณ์ ไม่ใช่แค่ซื้อสิ่งของ ตัวอย่างเช่น เสื้อที่ใช้ผ้าออร์แกนิก ปลอดสารเคมี ผลิตด้วยแรงงานที่เป็นธรรม หรือมีลวดลายที่สะท้อนตัวตนของคนใส่ สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าเพิ่มเติมที่ทำให้เสื้อหนึ่งตัวตั้งราคาได้สูงกว่าเสื้อธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ การเล่าเรื่องเบื้องหลังการผลิต หรือการเน้นจุดยืนของแบรนด์ เช่น ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น หรือเน้นดีไซน์ที่แตกต่าง จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าการซื้อเสื้อตัวนี้คุ้มค่ากว่าตัวอื่น แม้ราคาจะสูงกว่าเล็กน้อยก็ตาม

 

5. ราคาที่ตั้งไปจะทำให้แบรนด์โตต่อได้ไหม

สุดท้ายที่มักถูกมองข้ามคือการคิดเผื่ออนาคต ราคาที่ตั้งควรไม่ใช่แค่พอขายได้ แต่ต้องเพียงพอสำหรับให้แบรนด์เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน กำไรที่เหลือจากการขายหนึ่งตัวควรถูกใช้เป็นพลังงานในการสร้างเสื้อรุ่นใหม่ ทำการตลาดเพิ่มเติม หรือพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้น ถ้าตั้งราคาถูกเกินไปจนกำไรเหลือน้อย อาจทำให้แบรนด์ไม่สามารถลงทุนต่อเนื่องได้ ต้องวนอยู่กับการขายแบบประคองตัว และเสี่ยงจะหายไปจากตลาดในที่สุด การคิดถึงอนาคตตั้งแต่วันแรกจึงสำคัญ เพราะธุรกิจเสื้อผ้าไม่ได้แข่งแค่รอบเดียว แต่คือการวิ่งระยะยาวที่ต้องมีทุนหนุนหลังอย่างต่อเนื่อง

 

หลังจากที่ทำการ Checklist ครบแล้ว คุณคงได้คำตอบหรือไกด์ไลน์แล้วว่า ราคาเสื้อ คิดยังไงดี เพราะการตั้งราคาขายเสื้อแบรนด์ตัวเองไม่ใช่การหยิบตัวเลขมาจากความรู้สึก แต่คือกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การรู้ต้นทุนที่แท้จริง การกำหนดภาพลักษณ์แบรนด์ การเข้าใจลูกค้า การสร้างคุณค่าให้เสื้อแตกต่าง และการวางแผนเพื่ออนาคต ทุกข้อที่เราให้เช็คนั้น คือสิ่งที่ช่วยให้การตั้งราคากลายเป็น “กลยุทธ์” มากกว่า “การเดา” เมื่อตั้งราคาอย่างรอบคอบ แบรนด์เสื้อไม่เพียงแต่ขายได้ แต่ยังขายดีอย่างยั่งยืน และพร้อมเติบโตต่อไปในตลาดที่แข่งขันสูงได้อย่างมั่นใจ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *