เทคนิคทำแบรนด์ ด้วย Data & Trend ช่วยตั้งราคาและออกแบบคอลใหม่

เทคนิคทำแบรนด์ ด้วย Data & Trend

เทคนิคทำแบรนด์ ด้วย Data & Trend ใช้ข้อมูลช่วยตั้งราคาและออกแบบคอลเล็กชัน

ในยุคที่เป็นดิจิทัลและพวกโซเชียลมีเดียนั้น การตัดสินใจเพียงแค่ตามความรู้สึกหรือประสบการณ์ส่วนตัวอาจไม่เพียงพอสำหรับแบรนด์แฟชั่นอีกต่อไป การใช้ข้อมูลเชิงลึก (Data) และแนวโน้มแฟชั่น (Trend) เป็นเครื่องมือสำคัญในการวางกลยุทธ์ ตั้งราคา และออกแบบคอลเล็กชันให้ตรงใจลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทคนิคทำแบรนด์ที่ควรทำเป็นอย่างมาก

 

ทำไม Data & Trend ถึงสำคัญ

การเข้าใจข้อมูลการขาย สถิติจากโซเชียลมีเดีย และแนวโน้มแฟชั่นช่วยให้แบรนด์ ตัดสินใจด้วยความมั่นใจ ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสขายได้สูงขึ้น โดยข้อมูลและแนวโน้มแฟชั่นช่วยให้แบรนด์ตอบคำถามหลายอย่างได้ชัดเจน เช่น

 

– ลูกค้าให้ความสนใจกับสีหรือดีไซน์แบบไหนมากที่สุด

– ช่วงราคาไหนที่ลูกค้ายอมจ่ายโดยไม่รู้สึกเกินงบ

– ชิ้นส่วนหรือไอเท็มใดที่ควรเพิ่มหรือลดในคอลเล็กชัน

– การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ ทุกตัวในคอลเล็กชันมีเหตุผลและมีโอกาสขายสูงสุด

– แหล่งข้อมูลสำคัญในการตั้งราคาและออกแบบคอลเล็กชัน

 

ซี่งเราก็จะแบ่งหัวข้อย่อยๆ ออกมา เพื่อให้คุณได้อ่านง่ายยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้

 

ข้อมูลการขาย (Sales Data)

การวิเคราะห์ข้อมูลการขายในอดีตช่วยระบุว่า ไอเท็มใดขายดีที่สุดในแต่ละฤดูกาล ราคากลางที่ลูกค้าเต็มใจจ่าย ส่วนลดหรือโปรโมชั่นแบบใดได้ผลดีที่สุด ตัวอย่างเช่น หากสถิติขายเสื้อยืดผ้าคอตตอนสีพาสเทลสูงสุดในเดือนมีนาคม–เมษายน การวางแผนคอลเล็กชันใหม่สามารถเพิ่มสีพาสเทลในช่วงนั้นและตั้งราคาที่สอดคล้องกับยอดขายเก่า

 

ข้อมูลโซเชียลมีเดีย (Social Media Insights)

แพลตฟอร์มเช่น Instagram, TikTok หรือ Facebook ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ไลก์ ความคิดเห็น และการแชร์โพสต์เกี่ยวกับสินค้า การตอบรับสี ลวดลาย หรือสไตล์เสื้อ แฮชแท็กและคำค้นหาที่ลูกค้าใช้ ตัวอย่างเช่น เสื้อโปโลสีฟ้าอ่อนที่มีรีวิวและแชร์สูงใน Instagram สามารถใช้เป็น ตัวชี้นำดีไซน์และตั้งราคาพรีเมียมได้

 

สถิติแฟชั่นและแนวโน้มตลาด (Fashion Trend Data)

ติดตามรายงานแฟชั่นจากสำนักวิจัยหรือเว็บไซต์แฟชั่น เช่น Pantone, WGSN, หรือ Vogue Business บอกว่าฤดูกาลนี้สีไหนมาแรง เทรนด์ลายหรือสไตล์เสื้อใดกำลังได้รับความนิยม แนวโน้มการเลือกวัสดุ เช่น ผ้าคอตตอนออร์แกนิก หรือผ้ารีไซเคิล ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์ ปรับคอลเล็กชันให้เข้ากับตลาดปัจจุบันและลูกค้าที่สนใจเทรนด์ทันสมัย

 

เทคนิคทำแบรนด์ ด้วย Data & Trend 1

วิธีใช้ Data & Trend ในการตั้งราคา

วิเคราะห์ช่วงราคาที่ขายดีที่สุดคือใช้ข้อมูลการขายย้อนหลังเพื่อดูว่าเสื้อแต่ละประเภทขายดีในช่วงราคาเท่าไหร่ แล้วตั้งราคาปลีกในคอลเล็กชันใหม่ให้ สมเหตุสมผลและน่าสนใจ จากนั้นก็เปรียบเทียบกับคู่แข่ง รวบรวมราคาสินค้าแบรนด์คู่แข่งที่คล้ายกัน วิเคราะห์ว่าแบรนด์ของตัวเองสามารถตั้งราคาสูงหรือต่ำกว่าตลาดได้หรือไม่ ปรับราคาตามคุณค่าและดีไซน์ หากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าลูกค้าพร้อมจ่ายสูงขึ้นสำหรับสีหรือผ้าพิเศษ สามารถตั้งราคาสูงขึ้นได้โดยไม่ต่อต้าน อย่าลืมใช้โปรโมชั่นอย่างมีข้อมูลรองรับ ข้อมูลช่วยให้รู้ว่าโปรโมชั่นใดช่วยกระตุ้นการซื้อได้จริง เช่น ลด 10% สำหรับเสื้อโปโลสีเขียวช่วยเพิ่มยอดขาย 25% ในอดีต

 

วิธีใช้ Data & Trend ออกแบบคอลเล็กชัน

เริ่มจากเลือกสีและลายที่ลูกค้าต้องการ วิเคราะห์การตอบรับในโซเชียลมีเดียและยอดขายเก่า เพื่อเลือกสีและลายที่ลูกค้าชอบมากที่สุด กำหนดจำนวนการผลิตแต่ละแบบ ข้อมูลการขายช่วยคาดการณ์ปริมาณสต็อก ทำให้ไม่ผลิตเกินหรือขาดตลาด และเลือกประเภทผ้าและวัสดุที่ตอบโจทย์เทรนด์ ข้อมูลจากรายงานแฟชั่นช่วยให้รู้ว่า ผ้าใดกำลังมาแรง เช่น ผ้าออร์แกนิก ผ้ารีไซเคิล หรือผ้าใยสังเคราะห์ที่ระบายอากาศดี การวางลำดับสินค้าภายในคอลเล็กชันก็สำคัญ ให้ใช้ข้อมูลกำหนดว่าไอเท็มไหนเป็น ตัวชูโรง และไอเท็มไหนเป็นสินค้าสนับสนุน เพื่อสร้างคอลเล็กชันที่สมดุลและขายได้ต่อเนื่อง

 

ตัวอย่างเคสจริง

: แบรนด์ A ใช้ข้อมูลยอดขายและโซเชียลมีเดีย พบว่าเสื้อยืดผ้าคอตตอนสีฟ้าพาสเทลขายดีสุดในช่วงฤดูร้อน

→ ผลลัพธ์ คือเพิ่มสีพาสเทลในคอลเล็กชันซัมเมอร์และตั้งราคาพรีเมียม +20%

: แบรนด์ B วิเคราะห์รีวิวลูกค้า พบว่าลูกค้าพร้อมจ่ายสูงขึ้นสำหรับเสื้อเชิ้ตผ้าลินินที่มีลาย subtle

→ ผลลัพธ์ คือออกคอลเล็กชันเสื้อเชิ้ตลินิน limited edition และตั้งราคาสูงขึ้นโดยลูกค้าไม่ต่อต้าน

: แบรนด์ C ดูแนวโน้ม TikTok และ Instagram พบว่าเสื้อโปโลสีเขียวอ่อนเป็นเทรนด์

→ ผลลัพธ์ คือผลิตเสื้อโปโลสีเขียวเพิ่มและจัดโปรโมชั่น bundle กับเสื้อยืดสีเข้ากัน เพิ่มยอดขายเฉลี่ยต่อออเดอร์ 18%

 

ข้อดีของการใช้ Data & Trend

ในส่วนของข้อดีนั้นจะลดความเสี่ยงในการผลิต รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ทำให้ลดปัญหาสต็อกคงค้าง การตั้งราคาที่เหมาะสมและสมเหตุสมผล ข้อมูลช่วยให้ราคาตรงกับความคาดหวังของลูกค้า และช่วยออกแบบคอลเล็กชันที่ขายได้จริง ไม่ต้องพึ่งความรู้สึกส่วนตัวเพียงอย่างเดียว เพิ่มความพรีเมียมและความน่าสนใจ เพราะการนำเทรนด์และข้อมูลลูกค้ามาประยุกต์ ทำให้สินค้าดูมีคุณค่าและทันสมัย

 

เทคนิคทำแบรนด์ ด้วยการใช้ Data & Trend ถือว่าเป็นการวางกลยุทธ์ธุรกิจแฟชั่น ที่ช่วยให้แบรนด์ตัดสินใจอย่างมั่นใจ ตั้งราคาสมเหตุสมผล และออกแบบคอลเล็กชันตรงใจลูกค้า พวกข้อมูลการขาย โซเชียลมีเดีย และสถิติแฟชั่นช่วยให้ทุกชิ้นในคอลเล็กชันมีเหตุผลและมีโอกาสขายสูงสุด การประยุกต์ใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาดไม่เพียงเพิ่มยอดขาย แต่ยังสร้าง ภาพลักษณ์แบรนด์ที่มั่นคงและน่าจดจำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *