เทคนิคสกรีนพิเศษบนหมวก เพิ่มความพรีเมี่ยมไม่เหมือนใคร
หมวกสกรีนธรรมดาๆ อาจจะดูน่าเบื่อไปแล้วในยุคที่ทุกอย่างต้องการความโดดเด่น แหวกแนว ไม่เหมือนใคร ดังนั้นถ้าอยากให้หมวกของคุณโดดเด่นสะดุดตาและมีเรื่องราวให้น่าค้นหา ดูมีอะไรมากกว่าแค่ลายพิมพ์เรียบๆ เราขอแนะนำ เทคนิคการสกรีนพิเศษ ที่จะเพิ่มทั้งลูกเล่น สัมผัสที่ไม่ธรรมดา และความว้าวให้กับหมวกของคุณแบบที่คนอื่นต้องเหลียวมองกันเลยล่ะ
สกรีนแบบนูน (Puff Print)
เคยเห็นลายสกรีนที่ดูนูนๆ เหมือนงานปัก แต่พอลองสัมผัสแล้วรู้สึกถึงความยืดหยุ่นแปลกๆ ไหม นั่นแหละคือ Puff Print เทคนิคนี้ให้มิติที่แตกต่าง และมีเสน่ห์เฉพาะตัว มันไม่ใช่การปักนะ แต่มันคือการใช้ หมึกสกรีนพิเศษ ที่มีส่วนผสมของสารเคมีบางอย่าง ซึ่งเมื่อโดนความร้อนสูงในขั้นตอนการอบแห้ง สารตัวนี้จะพองตัว ขึ้นมา ทำให้ลายสกรีนดูนูนและมีมิติที่สัมผัสได้ คล้ายกับโฟมนุ่มๆ ที่อยู่ใต้หมึก นอกจากจะให้มิติที่โดดเด่นแล้ว สกรีนนูนยังมีน้ำหนักเบากว่างานปักนูน และสามารถทำได้บนพื้นที่ที่ใหญ่กว่างานปักบางกรณีด้วย
แถมการ พองมาก-น้อย ของสกรีนนูนนั้นก็สามารถกำหนดได้ ช่างสกรีนมืออาชีพสามารถควบคุมความหนาของลายได้นะ ว่าอยากให้พองมากแค่ไหน หรือพองน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับชนิดของหมึกและอุณหภูมิที่ใช้ในการอบ แต่บอกเลยว่าลายยิ่งใหญ่ก็ยิ่งพองสวย เนื่องจากเทคนิคนี้เหมาะกับลายที่เป็นบล็อกสีทึบ หรือ ตัวอักษรขนาดใหญ่และหนา ที่มีพื้นที่ให้หมึกพองตัวเต็มที่ หากเป็นลายเส้นเล็กๆ ละเอียดๆ การพองตัวอาจไม่ชัดเจน หรือทำให้ลายดูเบลอได้ แต่ข้อเสียก็มีตรงที่ต้องระวังให้ดีว่าตัวสกรีนอาจแตกได้ ถ้าไม่เชี่ยวชาญจริงๆ ถ้าหมึกไม่มีคุณภาพ หรือช่างสกรีนไม่ชำนาญในการควบคุมความร้อน ลายอาจจะพองไม่สม่ำเสมอ หรือเกิดอาการแตกเมื่อดึงยืดผ้าได้ง่าย
สกรีนเรืองแสงในที่มืด (Glow-in-the-Dark Print)
อยากให้หมวกของคุณมีเซอร์ไพรส์ในที่แสงน้อย หรือเป็นที่จดจำในงานปาร์ตี้ยามค่ำคืน บอกเลยว่าหมึกเรืองแสงนี่แหละคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด บอกก่อนว่ามันไม่ใช่ไฟฉายนะ แต่คือการใช้หมึกสกรีนที่มีส่วนผสมของ “สารเรืองแสง” ที่เรียกว่า ฟอสฟอเรสเซนต์ (Phosphorescent Pigment) ซึ่งสารตัวนี้มีความสามารถพิเศษในการ ดูดซับพลังงานแสง ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด หรือแสงไฟจากหลอดไฟ แล้วค่อยๆ ปลดปล่อยพลังงานแสงนั้นออกมาอย่างช้าๆ ในที่มืด ทำให้เราเห็นลายสกรีนเปล่งแสงได้ ซึ่งมันจะทำให้หมวกของคุณจะกลายเป็นลูกเล่นที่ไม่ธรรมดา ดึงดูดสายตาและสร้างความน่าสนใจได้อย่างเหลือเชื่อเมื่อแสงสว่างหายไป
แต่ต้องยอมรับตรงจุดนี้ก่อนว่ามันไม่ใช่จะเรืองแสงตลอดไป การเรืองแสงจะค่อยๆ จางลงเมื่อเวลาผ่านไป (ส่วนใหญ่เรืองแสงได้ 10-30 นาที ขึ้นอยู่กับคุณภาพหมึกและความยาวนานที่โดนแสงชาร์จมา) ถ้าอยากให้เรืองแสงอีก ก็แค่พามันไปโดนแสงอีกครั้งนั่นเอง และสีของหมวกมีผลด้วยเช่นกัน หมึกเรืองแสงจะทำงานได้ดีที่สุดบน หมวกสีอ่อน หรือ สีขาว เพราะสีเข้มจะดูดซับแสงและอาจทำให้การเรืองแสงไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ปัจจุบันหมึกเรืองแสงก็มีหลายสีแล้ว ไม่ใช่แค่สีเขียวเรืองแสงเท่านั้น ตอนนี้มีหมึกเรืองแสงหลายสีให้เลือก เช่น ฟ้าเรืองแสง, ชมพูเรืองแสง แต่สีที่เรืองแสงได้สว่างและนานที่สุดยังคงเป็นสีเขียวอมเหลือง
สกรีนสะท้อนแสง (Reflective Print)
สำหรับสายแฟชั่นที่อยากได้ดีไซน์ล้ำๆ หรือคนที่ต้องทำกิจกรรมนอกบ้านตอนกลางคืน หมวกสกรีนสะท้อนแสงเป็นทั้งแฟชั่นและฟังก์ชัน ซึ่งหมึกสกรีนชนิดนี้มีส่วนผสมของ “เม็ดแก้วสะท้อนแสงขนาดเล็กจิ๋ว” (Micro-glass Beads) หรืออนุภาคสะท้อนแสงอื่นๆ ที่เมื่อโดนแสงไฟ (เช่น ไฟหน้ารถยนต์ ไฟฉาย หรือแฟลชจากกล้อง) เม็ดแก้วเหล่านี้จะทำหน้าที่สะท้อนแสงกลับไปยังแหล่งกำเนิดแสง ทำให้ลายสกรีนดูสว่างวาบขึ้นมาในความมืด นอกจากจะเพิ่มความเท่และล้ำสมัยแล้ว มันยังช่วย เพิ่มความปลอดภัย ในการมองเห็นในเวลากลางคืนอีกด้วย
แถมจุดที่ไม่เหมือนกับสกรีนเรืองแสง เพราะสกรีนสะท้อนแทงมันจะไม่เปล่งแสงออกมาเองในที่มืด แต่จะสะท้อนแสง “เมื่อมีแสงไปตกกระทบ” เท่านั้น และยังมีข้อดีในด้านทนทานต่อการซัก ลายสะท้อนแสงที่สกรีนอย่างดีจะมีความทนทานสูงต่อการซักล้าง และยังคงคุณสมบัติการสะท้อนแสงได้นาน แถมยังมีมีหลายสี ไม่ใช่แค่สีเงินๆ เทาๆ เท่านั้น ปัจจุบันมีหมึกสะท้อนแสงหลายสีให้เลือก แต่สีเงินและสีเทาจะสะท้อนแสงได้ดีที่สุด
สกรีนแบบกำมะหยี่ (Flock Print)
ถ้าอยากให้หมวกของคุณมีผิวสัมผัสที่ไม่ธรรมดา สกรีนแบบกำมะหยี่นี่แหละคือคำตอบที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมและน่าสัมผัส โดยเทคนิคนี้เริ่มต้นด้วยการ สกรีนกาว ลงบนหมวกตามรูปทรงที่ต้องการ จากนั้นจะทำการ โรย “ผงกำมะหยี่” (Flock Fibers) ซึ่งเป็นเส้นใยสังเคราะห์ขนาดเล็กละเอียด ลงไปบนกาวที่ยังเปียกอยู่ ผงกำมะหยี่จะเกาะติดกับกาว ส่วนที่เกินจะถูกกำจัดออกไป ทำให้เกิดลายที่มีผิวสัมผัสคล้ายกำมะหยี่ที่นุ่มฟู เมื่อสัมผัสก็จะให้ความรู้สึกหรูหรา นุ่มนวล น่าสัมผัส และดูมีราคามากกว่าการสกรีนแบบเรียบๆ
โดยทิศทางของขนก็มีผล ผงกำมะหยี่แต่ละเส้นจะมีทิศทางของตัวเอง การสกรีน Flock ที่ดีต้องควบคุมให้ขนกำมะหยี่ตั้งขึ้นและมีทิศทางที่สม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความนุ่มฟูและเงางามที่สุด แถมเทคนิคนี้เหมาะกับลายที่เป็นบล็อกสีทึบ หรือตัวอักษรหนาๆ ที่มีพื้นที่ให้ผงกำมะหยี่เกาะได้อย่างเต็มที่ ลายที่ละเอียดหรือมีเส้นเล็กๆ อาจทำได้ยากหรือไม่สวยงาม
สกรีนแบบโฮโลแกรม/เมทัลลิก (Holographic/Metallic Print)
ถ้าคุณอยากให้หมวกของคุณดูแวววาว ระยิบระยับ และมีลูกเล่นแสงที่เปลี่ยนไปตามมุมมอง เทคนิคนี้คือสิ่งที่ตอบโจทย์ความหรูหราและโดดเด่น โดยสกรีนเมทัลลิก เป็นการใช้หมึกสกรีนที่มีส่วนผสมของ “ผงโลหะละเอียด” (เช่น ผงทอง, เงิน, ทองแดง) ทำให้ลายสกรีนดูเงาวาวคล้ายโลหะจริงๆ ส่วนทางด้านสกรีนโฮโลแกรมนั้นเป็นการนำ “ฟิล์มโฮโลแกรม” ซึ่งมีลวดลายสะท้อนแสงที่เปลี่ยนไปตามมุมมอง เหมือนกับลายบนบัตรเครดิต มารีดร้อนติดลงบนหมวก ทำให้ลายสกรีนมีประกายรุ้งและลูกเล่นแสงที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
ซึ่งเทคนิคนี้ก็สร้างความโดดเด่น หรูหรา และความน่าสนใจให้กับหมวกอย่างมาก ลายจะดูมีชีวิตชีวาและเปลี่ยนสีตามแสงที่ตกกระทบ โดยความทนทานก็ต่างกัน อย่างหมึกเมทัลลิก อาจมีความทนทานต่อการขีดข่วนน้อยกว่าหมึกสกรีนทั่วไปเล็กน้อย ส่วนฟิล์มโฮโลแกรมก็ต้องระวังการพับหรือขยำมากเกินไป เพราะอาจทำให้ฟิล์มแตกได้ อย่างไรก็ตามขอบอกก่อนว่าเทคนิคนี้เหมาะกับลายที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เพื่อให้ความแวววาวของหมึกหรือฟิล์มได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่
การเลือกเทคนิคสกรีนพิเศษเหล่านี้จะช่วยให้หมวกของคุณไม่เป็นแค่หมวกธรรมดาๆ แต่เป็นชิ้นงานที่แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร บอกเลยว่าแค่ใส่แล้วเดินไปข้างนอก มันต้องมีคนที่เหลียวหลังมามองเราบ้างแหละน่า ลองเลือกเทคนิคที่ตอบโจทย์ดีไซน์และงบประมาณของคุณ แล้วมาสร้างสรรค์หมวกสุดปังที่ไม่ซ้ำใครกันดีกว่า