เสื้อยืดออกกำลังกาย เลือกยังไงให้ระบายเหงื่อดี ไม่อับชื้น

เสื้อยืดออกกำลังกาย เลือกยังไงให้ระบายเหงื่อดี ไม่อับชื้น

เสื้อยืดออกกำลังกาย เลือกยังไงให้ระบายเหงื่อดี ไม่อับชื้น

เคยรู้สึกไหมว่าบางวันออกกำลังกายแล้วเสื้อเปียกชุ่มจนตัวเหนียวเหนอะหนะ อับชื้น แถมยังแห้งช้าจนรู้สึกไม่สบายตัวไปทั้งวัน นั่นอาจเป็นเพราะคุณอาจใส่เสื้อหรือเสื้อยืดสำหรับออกกำลังกายที่ไม่เข้ากับกิจกรรม อีกทั้งมันยังส่งผลโดยตรงต่อความสบายตัว การระบายเหงื่อ ทำให้เราอาจขยับตัว เคลื่อนไหว เกิดความไม่สบายตัว ทำให้ไม่อยากออกกำลังกายต่อ จนไปถึงมีกลิ่นอับ ดังนั้นเราจะมาแก้จุดนี้กัน

 

แค่เสื้อยืดอย่างเดียว “ไม่พอ” สำหรับออกกำลังกาย

ก่อนจะไปดูคุณสมบัติเฉพาะของเสื้อออกกำลังกาย เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมเสื้อยืดคอตตอน 100% ตัวโปรดของคุณถึงไม่เหมาะกับการใส่ไปออกกำลังกาย อย่างแรกเลยคือการอมเหงื่อและแห้งช้า เพราะผ้าคอตตอนมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นได้ดีเยี่ยมก็จริง แต่มันก็ อมเหงื่อ ไว้กับตัวด้วย ทำให้เสื้อเปียกชุ่ม หนักอึ้ง และแห้งช้ามาก ต่อมาคือเรื่องของความอับชื้นและเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย เมื่อเสื้อเปียกเหงื่อและแห้งช้า ก็จะเกิดความอับชื้น เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้เกิด กลิ่นไม่พึงประสงค์ ตามมา

 

เรื่องของความหนักและความเหนียวเหนอะหนะก็เช่นกัน เสื้อที่อมเหงื่อจะหนักขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัว และอาจขัดขวางการเคลื่อนไหวได้ อีกทั้งยังเสียรูปทรงง่าย หลังจากเกิดการอมน้ำและการเสียดสีจากการออกกำลังกายหนักๆ อาจทำให้เสื้อคอตตอนย้วย เสียรูปทรงได้ง่าย อีกทั้งการใส่เสื้อคอตตอนที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อในสภาพอากาศหนาวเย็น สามารถทำให้เกิดภาวะ “อุณหภูมิกายต่ำกว่าปกติ” (Hypothermia) ได้ เพราะเหงื่อที่แห้งช้าจะดึงความร้อนออกจากร่างกายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเสื้อที่ระบายเหงื่อได้ดีจึงสำคัญมากสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งในทุกสภาพอากาศ

 

คุณสมบัติของเสื้อยืดสำหรับออกกำลังกายที่ “ถูกต้อง”

เสื้อยืดที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะ จะมีคุณสมบัติเด่นๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ดังนี้

 

การระบายอากาศ

ไม่ใช่แค่เพียงแห้งเร็ว แต่คือ “การถ่ายเทอากาศ” หมายถึงคุณสมบัติที่ทำให้เสื้อผ้าสามารถให้อากาศไหลเวียนผ่านเนื้อผ้าได้ดี ช่วยให้ความร้อนจากร่างกายระบายออกไป และอากาศเย็นจากภายนอกเข้ามาแทนที่ เพราะเมื่อร่างกายร้อน เหงื่อออก การระบายอากาศที่ดีจะช่วย ลดอุณหภูมิร่างกาย ป้องกันการโอเวอร์ฮีท ทำให้คุณรู้สึกเย็นสบาย ไม่อึดอัด สังเกตได้ง่ายๆ ตรงที่เสื้อที่ระบายอากาศดีมักจะทำจากผ้าที่มีโครงสร้างการทอที่โปร่ง หรือมีรูพรุนเล็กๆ นอกจากนี้ บางรุ่นอาจมีการเสริม แผงผ้าตาข่าย (Mesh Panels) บริเวณที่เหงื่อออกมาก เช่น ใต้วงแขน หรือแผ่นหลัง อย่างไรก็ตาม การระบายอากาศที่ดีไม่ได้หมายถึงเสื้อต้องบางเสมอไป เสื้อบางชนิดอาจมีเนื้อผ้าหนาแต่ด้วยเทคนิคการทอแบบพิเศษ เช่น การทอแบบ “สองชั้น” หรือการใช้เส้นใยที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว ทำให้มันยังคงระบายอากาศได้ดีเยี่ยมและคงความทนทานไว้ได้

 

การดูดซับและระเหยเหงื่อ

บอกเลยว่าเป็นอีกคุณสมบัติที่สำคัญ คุณสมบัตินี้จะเป็นคุณสมบัติของเนื้อผ้าที่สามารถดึงเหงื่อ จากผิวหนังของคุณ (ที่อยู่ด้านในของเสื้อ) ผ่านโครงสร้างเส้นใยขนาดเล็กมากๆ ไปยังผิวผ้าด้านนอก เพื่อให้เหงื่อระเหยออกไปในอากาศได้อย่างรวดเร็ว มันช่วยให้ผิวของคุณรู้สึก แห้งสบาย อยู่ตลอดเวลา ไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนใส่เสื้อคอตตอนที่อมเหงื่อ นอกจากนี้ยังช่วย ลดการเสียดสี ที่อาจทำให้เกิดผื่นหรือรอยแดงได้อีกด้วย โดยผ้าที่มีคุณสมบัติ Moisture-Wicking มักจะเป็นเส้นใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ หรือ ไนลอน ที่ผ่านการแปรรูป หรือทอด้วยเทคนิคพิเศษ เช่น Dry-Fit, Coolmax, Omni-Wick ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของเทคโนโลยี Moisture-Wicking จากแบรนด์ต่างๆ

 

เสื้อยืดออกกำลังกาย เลือกยังไงให้ระบายเหงื่อดี ไม่อับชื้น 1

ถ้าเทียบกับผ้าคอตตอน ก็ต้องบอกว่าคอตตอนก็ดูดซับเหงื่อได้ดี แต่มัน อมเหงื่อ ไว้กับตัว ทำให้เหงื่อระเหยช้า ส่วนผ้า Moisture-Wicking จะลำเลียงเหงื่อไปสู่ผิวนอกเพื่อระเหย ทำให้ตัวคุณแห้งเร็ว โดยเทคโนโลยีนี้ จะทำงานโดยอาศัยหลักการที่เรียกว่า “แรงตึงผิว” (Capillary Action) หรือหลักการที่ของเหลวสามารถไหลไปตามช่องว่างเล็กๆ ได้ (เหมือนน้ำที่ซึมขึ้นไปในกระดาษทิชชู่) เส้นใยของผ้าเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ผิวสัมผัสมากขึ้น หรือมีช่องว่างเล็กๆ จำนวนมาก เพื่อดึงโมเลกุลน้ำจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

 

ความยืดหยุ่น

ความยืดหยุ่นที่เราหมายถึงก็คือ ความสามารถของเนื้อผ้าที่จะยืดตัวและคืนรูปทรงเดิมได้ดีเยี่ยม ทำให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่ถูกจำกัด เนื่องจากในการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นโยคะ วิ่ง หรือเวทเทรนนิ่ง การเคลื่อนไหวที่หลากหลายและเต็มช่วงของการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งจำเป็น ความยืดหยุ่นของเสื้อจะช่วยให้คุณทำท่าต่างๆ ได้อย่างสบายตัว ไม่รู้สึกตึงหรือรั้ง เสื้อยืดที่มียืดหยุ่นดีมักจะมีส่วนผสมของ สแปนเด็กซ์ หรือ ไลคร่าในเนื้อผ้า มักจะเขียนว่า Cotton/Spandex Blend หรือ Polyester/Spandex Blend โดยมีสแปนเด็กซ์ผสมอยู่ประมาณ 5-10% ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งความยืดหยุ่นของเสื้อนอกจากจะมาจากเส้นใยสแปนเด็กซ์แล้ว ยังมาจากการทอแบบ 4 ทิศทาง หมายความว่าผ้าสามารถยืดได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน และแนวทแยง ทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจริงๆ โดยไม่รู้สึกตึงรั้งเลยก็ว่าได้

 

น้ำหนักที่เบา

เสื้อที่มีน้ำหนักเบา ทำให้คุณรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย เพราะเสื้อที่หนัก โดยเฉพาะเมื่อเปียกเหงื่อนั้น จะเพิ่มภาระให้กับร่างกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าเร็วขึ้น และอาจขัดขวางการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว โดยผ้าที่น้ำหนักเบามักจะเป็นโพลีเอสเตอร์ หรือไนลอนที่ทอแบบบางเบา แต่ยังคงความแข็งแรงและคุณสมบัติอื่นๆ ไว้

 

เนื้อผ้าสำหรับเสื้อออกกำลังกายยอดฮิต

เมื่อพูดถึงผ้าที่ตอบโจทย์การออกกำลังกายได้อย่างแท้จริง มีสองชนิดที่อยากแนะนำเป็นพิเศษ และเป็นที่นิยมในวงการเสื้อกีฬาเลยนั่นก็คือ IB ดาวกระจาย และ ผ้าไมโคร

 

ผ้า IB ดาวกระจาย

สำหรับผ้าชนิดนี้ก็จะเป็นผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% ที่โดดเด่นด้วย ผิวสัมผัสเรียบเนียน เหมือนผ้าทั่วไป แต่มีความพิเศษคือ โครงสร้างการทอแบบดาวกระจาย (Starfish Weave) หรือที่บางคนเรียกว่า ตาข่ายดาว ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ผ้าชนิดนี้ถูกออกแบบมาให้มีช่องว่างเล็กๆ จำนวนมาก ทำให้ ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม และ ดึงเหงื่อออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แถมยังแห้งไวสุดๆ ทำให้คุณรู้สึกแห้งสบายตลอดการออกกำลังกาย ตัวผ้ามีความยืดหยุ่นในตัวเล็กน้อยและน้ำหนักเบา ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด เหมาะกับ นักวิ่ง นักปั่นจักรยาน หรือผู้ที่ออกกำลังกายที่มีเหงื่อออกมาก หรือต้องการความสบายตัวสูงสุด

 

ผ้าไมโคร

เป็นผ้าที่ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ขนาดเล็กละเอียดมาก (Microfiber) ทำให้มี สัมผัสที่นุ่มนวล คล้ายผ้าฝ้าย แต่ยังคงคุณสมบัติเด่นของโพลีเอสเตอร์ไว้ครบถ้วน คือ ดูดซับและระบายเหงื่อได้ดี แห้งเร็ว และ ทนทาน ผ้าไมโครมักจะมีความยืดหยุ่นในตัว ทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวก และด้วยความละเอียดของเส้นใย ทำให้ผ้ามีความสามารถในการ ป้องกันแสงยูวี ได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย เหมาะกับ ผู้ที่ชื่นชอบความนุ่มสบายเหมือนเสื้อยืดทั่วไป แต่ยังต้องการคุณสมบัติในการระบายเหงื่อที่ดี เหมาะกับกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่เดินเร็ว โยคะ ไปจนถึงเวทเทรนนิ่ง

 

ไม่ใช่เสื้ออะไรก็ออกกำลังกายได้ จริงๆ มันก็ทำได้แหละ แต่ก็คงไม่สบายตัวเท่าไหร่ ตามที่เราแนะนำไปเลยว่าผ้ากีฬาที่เหมาะสมคือผ้าอะไร ไม่เพียงแต่แค่เรื่องออกกำลังกายเท่านั้น หากทำงานกลางแจ้ง หรือที่มีแดด มีอุณหภูมิร้อน หรืองานที่ต้องมีเหงื่อออกจำนวนมากก็เหมาะเหมือนกัน เพราะคุณจะได้ไม่ต้องทนกับความอับชื้นอีกต่อไปนั่นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *