อยากผลิตหมวกปัก ต้องเตรียมอะไร ดูอะไรบ้าง
การจะผลิตหมวกปักสักใบ ไม่ใช่แค่มีลายแล้วส่งให้ร้านทำนะ เพราะจริงๆ มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่เยอะกว่าที่คิด ยิ่งถ้าเราอยากได้หมวกปักที่ออกมาสวยเป๊ะ คมชัดตรงใจ และไม่เจอปัญหาจุกจิกกวนใจทีหลัง ก็ยิ่งต้องรู้ข้อมูลที่เราจะมาบอกต่อในบทความนี้ บทความนี้จะมาเปิดคู่มือสายผลิตหมวกปักฉบับคนที่อาจยังไม่เคยทำมาก่อน ว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง และมีจุดไหนที่ต้องดูเป็นพิเศษ
ก่อนจะไปสั่งผลิต ควรเตรียมอะไรบ้าง
การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้กระบวนการผลิตราบรื่น ไม่เสียเวลา ไม่เสียเงินโดยไม่จำเป็น นี่คือสิ่งที่คุณต้องมีก่อนเดินเข้าไปคุยกับร้านผลิตหรือโรงงานผลิต
ไฟล์ลายปัก
เป็นสิ่งที่ต้องมี ไฟล์ลายปักที่ดีที่สุดคือไฟล์ .AI (Adobe Illustrator) หรือ .EPS หรือไฟล์ .PDF ที่เป็นเวกเตอร์ (Vector File) ถ้าไม่มีจริงๆ อาจใช้ไฟล์ภาพความละเอียดสูงมาก ๆ เช่น .JPG หรือ .PNG ที่มีขนาดใหญ่และคมชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือให้ทางกราฟิกของทางโรงงานช่วยดูให้ หรืออาจต้องไปจ้างทำไฟล์ให้คมชัดเตรียมพร้อมไว้จะเป็นการดี
ทำไมต้องเป็นไฟล์ Ai หรือไฟล์เวกเตอร์ล่ะ? เพราะไฟล์เวกเตอร์สามารถขยายหรือย่อขนาดได้โดยที่ลายไม่แตก ไม่เบลอ ทำให้ช่างปักสามารถแปลงไฟล์เป็นโปรแกรมปัก (Digitizing) ได้ง่ายและแม่นยำที่สุด ถ้าใช้ไฟล์ภาพความละเอียดต่ำ ลายอาจออกมาไม่สวย คมชัด หรือมีรายละเอียดผิดเพี้ยนไปจากที่ต้องการได้ ซึ่งบางร้านอาจมีบริการแปลงไฟล์จากภาพให้เป็นไฟล์ปัก แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือที่เรียกว่า “ค่าบล็อกปัก” หรือ “”ค่าทำโปรแกรมปัก” ซึ่งอาจอยู่ที่หลักร้อยถึงหลักพันบาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของลาย
กำหนดขนาดลายปัก
เราควรระบุขนาดของลายปักที่ต้องการเป็น เซนติเมตร (cm.) หรือ นิ้ว (inch) ให้ชัดเจน เช่น กว้าง 7 cm. สูง 5 cm. เอาที่เราต้องการ โดยอาจปริ้นท์ลายมาวางตรงที่หมวกดูก่อน จะได้ดูความต้องการของตัวเองว่าอยากได้ประมาณไหน
เรื่องของ “ตำแหน่ง” ก็สำคัญ กำหนดเลยว่าอยากปักที่ตรงจุดไหน กลางหมวก, ด้านข้าง, ด้านหลัง หรือปีกหมวก เนื่องจากแต่ละตำแหน่งมีพื้นที่จำกัดและโค้งงอต่างกัน ทำให้ขนาดลายปักสูงสุดที่ทำได้ไม่เท่ากัน และอย่าลืมที่จะดูตามความเหมาะสมอย่าง “พื้นที่เหมาะสม” โดยทั่วไป บริเวณด้านหน้าหมวกแก๊ป จะปักได้สูงสุดประมาณ 5-7 cm. (สูง) x 10-12 cm. (กว้าง) ขึ้นอยู่กับทรงหมวก การปักใหญ่เกินไปอาจทำให้ลายดูย่น ไม่สวยงาม เพราะหมวกปักที่สวยคือหมวกที่ลายปักมีขนาดเหมาะสม ไม่เล็กจนมองไม่เห็น หรือใหญ่เกินไปจนลายดูไม่สมส่วนกับทรงหมวก ลองปรึกษาร้านว่าขนาดไหนที่เหมาะสมกับทรงหมวกที่คุณเลือก
สีด้ายปัก
ระบุสีด้ายที่ต้องการให้ชัดเจน โดยอ้างอิงจาก รหัสสี Pantone (ถ้ามี) หรืออ้างอิงจาก ชาร์ตสีด้ายของร้าน ถ้าไม่มีรหัสสี Pantone ให้ลองหารูปตัวอย่างสีที่ใกล้เคียงที่สุดเตรียมมาเผื่อให้ทางร้านดู เกร็ดน่ารู้ที่เราอยากบอกหลายๆ คนคือสีบนหน้าจอไม่เหมือนของจริงเสมอไป สีที่เห็นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ อาจมีความแตกต่างจากสีของด้ายปักจริงเล็กน้อยเสมอ ดังนั้น การอ้างอิงรหัส Pantone หรือชาร์ตสีจริงจะช่วยให้ได้สีที่ตรงใจที่สุด และเช็คหรือาอบถามชนิดด้ายด้วยล่ะ เพราะด้ายปักมีหลายชนิด เช่น ด้ายโพลีเอสเตอร์ (นิยมใช้ ทนทาน สีไม่ตก), ด้ายเรยอน (ให้ความเงางามสูง), หรือด้ายคอตตอน (ให้ลุคด้านๆ) คุณสมบัติของด้ายแต่ละชนิดก็มีผลต่อลุคสุดท้ายของงานปักนะ
ชนิดของหมวก
กำหนดชนิดของหมวกที่ต้องการผลิต เช่น หมวกแก๊ป (Baseball Cap), หมวกบักเก็ต (Bucket Hat), หมวก Trucker, หมวก Beanie (หมวกไหมพรม) หรือหมวกทรงอื่นๆ เพราะบางโรงงานก็อาจไม่ได้มีประเภทหมวกที่หลากหลาย แถมพอรู้ประเภทก็ต้องดูที่วัสดุ เพราะหมวกที่ทำจากผ้าหนา เช่น แคนวาส ยีนส์ จะปักง่ายกว่าหมวกผ้าบางๆ หรือหมวกที่มีผิวสัมผัสลื่นๆ อย่างไนลอนบางชนิด ทรงหมวกก็เช่นกัน หมวกที่มีด้านหน้าเรียบแข็ง (Structured Cap) จะปักลายได้ง่ายและคมชัดกว่าหมวกทรงนุ่มๆ หรือหมวกที่ด้านหน้าโค้งมาก เพราะการปักต้องใช้สะดึงหมวกจับให้ผ้าตึง
คุยกับโรงงานเพื่อดีล ควรดูอะไรบ้าง
เมื่อคุณเตรียมข้อมูลพร้อมแล้ว ถึงเวลาคุยกับร้านผลิต นี่คือสิ่งที่คุณต้องสังเกตและสอบถาม เพื่อให้ได้งานปักที่ดีที่สุด โดยให้สอบถามเรื่องดังนี้
ประเภทงานปักที่เหมาะสมกับลาย
เนื่องจากงานปักนั้นก็มีหลากหลายมาก คุณสามารถเลือกไปเองได้ แต่ทางโรงงานอาจให้คำแนะนำที่ดีกว่า โดยส่วนใหญ่จะนิยม ปักเรียบ (Flat Embroidery) กัน เนื่องจากเหมาะกับลายที่มีเส้นคมชัด ตัวอักษรไม่เล็กเกินไป ให้ลุคที่ดูเนี้ยบ หรือใครที่ชอบแบบตัวอักษรใหญ่ๆ หรือโลโก้ที่ต้องการความโดดเด่นสะดุดตา ก็จะเลือกเป็นแบบ ปักนูน (3D Puff Embroidery) อย่างไรก็ตามบางทีลายที่คุณออกแบบมา อาจไม่เหมาะกับเทคนิคปักแบบเดียว ช่างปักที่มีประสบการณ์จะแนะนำได้ว่าควรใช้เทคนิคปักแบบไหน หรือผสมผสานเทคนิคอย่างไร เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด
ความละเอียดและความคมชัดของงานปัก
หลังจากตกลงรายละเอียดเรียบร้อย ควรดูเรื่องของบ “ตัวอย่างงานปัก” (Sample) อย่างละเอียด ว่าลายปักคมชัดไหม มีเส้นด้ายรุ่ยหรือไม่ ลายปักดูแน่นหรือบางเกินไปไหม สีด้ายตรงตามที่ต้องการหรือไม่ เพราะตัวอย่างจะเป็นโมเดลต้นแบบที่สินค้าทั้งหมดของคุณควรจะเป็น ซึ่งความละเอียดของงานปักขึ้นอยู่กับ “ฝีเข็ม” และการตั้งค่าของเครื่องปัก รวมถึงคุณภาพของโปรแกรมปักที่ช่างใช้ ร้านที่มีประสบการณ์จะปักได้ละเอียดและเนี้ยบกว่า
การขึ้นรูปของหมวกหลังปัก
หลังจากปักแล้ว หมวกยังคงรูปทรงสวยงามไหม มีอาการ “ย่น” หรือ “ยู่” บริเวณที่ปักหรือไม่ โดยเฉพาะหมวกแก๊ปที่มีด้านหน้าโค้งมากๆ มักจะเจอปัญหานี้ ซึ่งปัญหานี้มักเกิดจากการตั้งค่าความตึงของด้ายปักที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้ผ้ากาวรองปักที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่เหมาะสมกับเนื้อผ้าของหมวก ช่างที่มีฝีมือจะรู้เทคนิคในการปักเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้
บริการทำตัวอย่าง (Sample) ก่อนผลิตจริง
สอบถามว่าร้านมีบริการทำตัวอย่างงานปักบนหมวกจริงให้ดูก่อนหรือไม่? แต่ตรงนี้ก็มักจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสำหรับตัวอย่าง แต่มันก็คุ้มค่ากับการจ่าย เนื่องจากการได้เห็นตัวอย่างจริงสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่างานที่ออกมาตรงตามความต้องการหรือไม่ ถ้าไม่โอเคจะได้แก้ไขได้ทัน ก่อนที่จะผลิตจริงในจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้มหาศาล
ระยะเวลาการผลิตและจำนวนขั้นต่ำ (Lead Time & MOQ)
อย่าลืมที่จะสอบถามระยะเวลาที่ใช้ในการผลิตทั้งหมด และจำนวนขั้นต่ำที่ร้านรับผลิต (Minimum Order Quantity – MOQ) เนื่องจากร้านแต่ละร้านมี MOQ ไม่เท่ากัน บางร้านอาจรับทำแค่หลักสิบ บางร้านอาจเริ่มต้นที่หลักร้อย ยิ่งสั่งจำนวนมากเท่าไหร่ ราคาต่อใบก็จะยิ่งถูกลงเท่านั้น ดังนั้น ควรพิจารณาปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
การผลิตหมวกปักไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ถ้าคุณรู้และใส่ใจ จะช่วยให้ได้หมวกปักที่มีคุณภาพ สวยงามตรงใจ และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป จำไว้ว่า “การสื่อสารที่ชัดเจน” และ “การตรวจสอบตัวอย่าง” นั้นคือสิ่งสำคัญที่ต้องชัดเจนและดูให้ดีอย่างละเอียด ไม่อย่างนั้นพลาดไป อาจจะแก้ไขอะไรไม่ได้หรือแก้ได้ยากนั่นเอง