ตั้งราคาเสื้อแต่ละประเภท เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล ควรราคาเท่าไหร่

ตั้งราคาเสื้อแต่ละประเภท เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล ควรราคาเท่าไหร่

ตั้งราคาเสื้อแต่ละประเภท เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล ควรราคาเท่าไหร่

การตั้งราคาสินค้าอย่าง ตั้งราคาเสื้อแต่ละประเภท ไม่ใช่เรื่องของต้นทุนวัสดุเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการรับรู้มูลค่าของผู้บริโภคด้วย เพราะผู้ซื้อไม่ได้ดูแค่คุณภาพผ้า แต่ยังพิจารณาจาก ประเภทสินค้า ดีไซน์ แบรนด์ และภาพลักษณ์ที่เสื้อสื่อออกมา

 

อย่างเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต และเสื้อโปโล ถึงจะเป็นเสื้อผ้าแบบพื้นฐานเหมือนกัน แต่ผู้บริโภคมีการรับรู้และคาดหวังราคาที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างนี้เป็นกุญแจสำคัญในการตั้งราคาให้ทุกตัวในคอลเล็กชัน ดูสมเหตุสมผลและน่าสนใจนั่นเอง

 

เข้าใจความคิดลูกค้า เวลาเลือกซื้อเสื้อ

เราอาจจะต้องยกตัวเองมามองในฐานะหรือมุมมองของผู้บริโภคก่อน จะได้รู้ว่าราคาประมาณนี้มันเหมาะสมไหม ผู้บริโภคหรือลูกค้าจะยอมจ่ายหรือไม่ โดยเราจะแบ่งออกเป็นแต่ละประเภท ดังนี้

 

เสื้อยืด

เสื้อยืดเป็นเสื้อผ้าลำลองที่ลูกค้ามักคุ้นเคยกับราคาที่ไม่สูงมาก คนส่วนใหญ่จะมองเสื้อยืดและตัดสินใจซื้อจากความสะดวกสบาย ลวดลาย และความง่ายในการจับคู่ การตั้งราคาสูงเกินไปอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่คุ้มค่า แต่การใช้ลวดลายพิเศษ ผ้าเกรดพรีเมียม หรือการผลิตจำนวนจำกัดสามารถสร้างความรู้สึกพิเศษและทำให้ตั้งราคาสูงขึ้นได้โดยลูกค้ายอมรับ ตัวอย่างเช่น เสื้อยืดผ้าคอตตอนธรรมดา ราคาประมาณ 250–350 บาทถือว่าสมเหตุสมผล แต่ถ้าเป็นเสื้อยืดผ้าที่อัปความพรีเมี่ยมขึ้นมา หรือมีลายพิมพ์ limited edition ราคาสามารถปรับขึ้นเป็น 450–600 บาทได้โดยไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเกินงบที่ตั้งไว้

 

เสื้อเชิ้ต

เสื้อเชิ้ตมักถูกมองว่าเป็น สินค้าที่ต้องการความเรียบร้อยและความหรูเล็กน้อย ผู้บริโภคมักยอมจ่ายราคาสูงกว่าเสื้อยืด เพราะเสื้อเชิ้ตสามารถสวมใส่ในที่ทำงาน งานทางการ หรือโอกาสพิเศษ ดังนั้นการตั้งราคาควรสะท้อนถึง คุณภาพผ้า ดีไซน์ และความทนทาน การใส่รายละเอียดเล็ก ๆ เช่น ปกคอเย็บพิเศษ กระดุมคุณภาพ หรือการออกแบบลวดลาย จะช่วยให้ราคาที่ตั้งสมเหตุสมผลขึ้น ตัวอย่างเช่น เสื้อเชิ้ตผ้าคอตตอนทั่วไป ราคาประมาณ 550–750 บาทเป็นราคากลางที่ลูกค้ายอมรับได้ แต่เสื้อเชิ้ตผ้าซาติน ผ้าลินิน หรือมีรายละเอียดเย็บพิเศษ สามารถตั้งราคาสูงขึ้นเป็น 1,000–1,500 บาทอะไรประมาณนี้

 

เสื้อโปโล

เสื้อโปโลเป็นเสื้อที่อยู่ระหว่างเสื้อยืดกับเสื้อเชิ้ต มีทั้งความเรียบง่ายและความเป็นทางการพอสมควร ผู้บริโภคมักมองเสื้อโปโลในบริบท ใช้งานกลางแจ้ง ทำงาน หรือเล่นกีฬา ราคาที่เหมาะสมต้องสะท้อนถึง คุณภาพผ้า ความรู้สึกสวมใส่ และความเรียบร้อย เสื้อโปโลที่ทำจากผ้าไหมพรม หรือผ้าที่ระบายอากาศดี สามารถตั้งราคาสูงกว่าเสื้อยืดทั่วไปได้โดยลูกค้าไม่ต่อต้าน ตัวอย่างเช่น เสื้อโปโลผ้าคอตตอนธรรมดา ราคาประมาณ 450–650 บาท ส่วนรุ่นผ้าที่เป็นเกรดพรีเมี่ยมขึ้นมาหน่อยก็จะสามารถตั้งราคาสูงขึ้น 800–1,200 บาทได้

 

ตั้งราคาเสื้อแต่ละประเภท เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล ควรราคาเท่าไหร่ 1

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการตั้งราคา

คงไม่มีใครตั้งราคาตามใจลูกค้า หรือตามใจตัวเองได้ เนื่องจากมันมีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้สิ่งๆ หนึ่งเกิดราคานี้ขึ้นมา ซึ่งเราจะแบ่งให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆ โดยเริ่มจาก ต้นทุนการผลิต เริ่มจากคำนวณต้นทุนวัตถุดิบและการผลิต เพื่อให้แน่ใจว่าราคาขายครอบคลุมต้นทุนและมีกำไรที่เหมาะสม ต่อมาก็เป็นเรื่องการเข้าใจความคิดของลูกค้าอย่างที่เราได้บอกไปเมื่อหัวข้อที่แล้ว ให้พิจารณาว่าลูกค้าจะมองสินค้าเป็น พื้นฐาน ลำลอง หรือพรีเมียม เสื้อยืดลายกราฟิกอาจตั้งราคากลาง ๆ แต่เสื้อเชิ้ตผ้าซาตินหรือผ้าลินินอาจตั้งราคาสูงกว่าเพราะลูกค้าเห็นคุณค่า

 

ตำแหน่งในคอลเล็กชัน ทุกตัวในคอลเล็กชันควรมี ความสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกัน เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต และเสื้อโปโลที่ขายคู่กันควรมีราคาที่สะท้อนความแตกต่างของประเภทสินค้า แต่ไม่ห่างเกินไปจนรู้สึกขาดสมดุล และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ภาพลักษณ์แบรนด์ อย่างที่เราได้เห็นกันว่าพวกแบรนด์พรีเมียมสามารถตั้งราคาเสื้อยืดหรือเสื้อโปโลสูงขึ้นได้ หากสื่อสารถึงคุณภาพ ความพิเศษ และเอกลักษณ์แบรนด์

 

เทคนิคตั้งราคาที่ทำให้คอลเล็กชันสมเหตุสมผล

แน่นอนว่าแต่ละคอลเล็กชันจะมีราคาที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว บางคอลถูก บางคอลราคาสูง ซึ่งเราจะทำอย่างไรให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคเข้าใจ โดยจะมีเทคนิคที่อยากแนะนำ ก็คือ ตั้งราคาส่วนต่างชัดเจนแต่ไม่เกินไป ตัวอย่างเช่น เสื้อยืดอาจตั้งราคาพื้นฐาน เสื้อโปโลสูงกว่า 20–30% และเสื้อเชิ้ตสูงกว่า 40–50% ขึ้นอยู่กับวัสดุและดีไซน์

 

ใช้ Value Perception เสื้อที่มีรายละเอียดพิเศษ เช่น ปกคอพิเศษ ลายพิมพ์จำกัด หรือกระดุมเกรดสูง สามารถเพิ่มราคาตามคุณค่าโดยลูกค้าเห็นว่าสมเหตุสมผล หรือจะเป็นการปรับราคาตามช่องทางขาย อย่างออนไลน์อาจตั้งราคาต่ำกว่าหน้าร้านเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นการสั่งซื้อ แต่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ และการใช้โปรโมชั่นสร้างสมดุล การจัดแพ็กเกจซื้อหลายตัว เช่น เสื้อยืด 2 ตัว + เสื้อโปโล 1 ตัว ในราคาพิเศษ ช่วยให้ลูกค้าเห็นความสมเหตุสมผลและมีความสุขกับการซื้อ

 

การวางกลยุทธ์ราคาตามกลุ่มลูกค้า

การตั้งราคาโดยเข้าใจกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้ทุกตัวในคอลเล็กชัน ดูสมเหตุสมผลและตรงใจลูกค้า โดยเราจะยกตัวอย่างแต่ละกลุ่มให้เห็นภาพ ดังนี้

: วัยรุ่นและนักเรียน มักมองหาเสื้อยืดราคาสบายกระเป๋า แต่สนใจดีไซน์และลวดลาย

: คนทำงาน สนใจเสื้อเชิ้ตและเสื้อโปโลที่เรียบร้อย ใส่ที่ทำงานได้ ราคากลางถึงสูงสามารถยอมรับได้

: สายแฟชั่นหรือคนรักแบรนด์พรีเมียม ยินดีจ่ายสูงขึ้นสำหรับเสื้อที่มีคุณภาพพิเศษ หรือมีแพ็กเกจจิ้งและรายละเอียดดีไซน์ที่พรีเมียม

 

การตั้งราคาสำหรับเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต และเสื้อโปโลไม่ควรทำแบบเหมารวม แต่ต้องพิจารณาจาก ประเภทสินค้า การรับรู้ของลูกค้า วัสดุและดีไซน์ รวมถึงตำแหน่งในคอลเล็กชัน เทคนิคการตั้งราคาที่ชัดเจนและสมเหตุสมผลช่วยให้คอลเล็กชันดูน่าเชื่อถือ ลูกค้ายอมรับ และสร้างความพรีเมียมโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนมาก ซึ่งการวางกลยุทธ์ราคาอย่างรอบคอบไม่เพียงช่วยให้สินค้าขายดี แต่ยังสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่มั่นคง และทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและอยากกลับมาซื้อซ้ำอีกด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *