ถุงผ้า ถุงกระดาษ และถุงพลาสติก ถุงชนิดไหนดีสุด

ถุงผ้า ถุงกระดาษ และถุงพลาสติก ถุงชนิดไหนที่สร้างความเสียหายให้กับโลกน้อยสุด

ถุงผ้า ถุงกระดาษ และถุงพลาสติก

ถุงชนิดไหนที่สร้างความเสียหายให้กับโลกน้อยสุด?

การรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจังที่เริ่มต้นขึ้นในปี 2563 ได้จุดประกายให้สังคมหันมาใส่ใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น การที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ พร้อมใจกันงดแจกถุงพลาสติกและสนับสนุนให้ผู้บริโภคนำถุงผ้ามาเองนั้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อลดภาวะโลกร้อน ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจจากนิด้าโพลที่ระบุว่า 57.69% ของประชาชน “เห็นด้วยมาก” กับมาตรการนี้ เนื่องจากเป็นการช่วยลดขยะในประเทศและลดโลกร้อน อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยที่ตามมาคือ แล้วทางเลือกอื่นอย่างถุงผ้าหรือถุงกระดาษนั้น แท้จริงแล้วสามารถช่วยลดผลกระทบต่อโลกได้จริงหรือไม่ และ 79.32% ของผู้ตอบแบบสอบถามก็มีความสงสัยในประเด็นนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้และสามารถเลือกใช้งานได้อย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ลองมาพิจารณาถึงวงจรชีวิตและผลกระทบของถุงแต่ละประเภทกัน

 

เมื่อพิจารณาถึง “ถุงพลาสติก” แม้จะโดดเด่นในเรื่องความสะดวกและต้นทุนต่ำ แต่กระบวนการสลายตัวที่ยาวนานถึง 10-20 ปี รวมถึงการใช้งานส่วนใหญ่แบบครั้งเดียวทิ้งนั้น สร้างภาระให้กับโลกอย่างมหาศาล ทั้งที่ในความเป็นจริง เราควรใช้ถุงพลาสติกซ้ำถึงประมาณ 55 ครั้ง จึงจะคุ้มค่าพลังงานที่ใช้ในการผลิต การผลิตถุงพลาสติกจำนวนมหาศาลต้องใช้น้ำมันดิบในปริมาณมากถึง 9,000 ล้านลิตร ต่อถุงพลาสติก 500,000 ล้านใบ ซึ่งเป็นปริมาณที่น่าตกใจ เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำเค็มทั้งหมดในโลกที่คิดเป็น 97.3% หรือ 1,348 ล้านลูกบาศก์เมตร (1.348 ล้านล้านลิตร) จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำมันที่ใช้ผลิตถุงพลาสติกนั้นสูงถึงประมาณ 9 เท่า ของน้ำเค็มทั้งหมดในโลก หากเทียบเป็นอัตราส่วน น้ำมัน 1 ลิตร สามารถผลิตถุงพลาสติกได้ประมาณ 55 ถุง เมื่อถุงพลาสติกเหล่านี้กลายเป็นขยะที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ก็จะก่อให้เกิดปัญหาการอุดตันทางระบายน้ำ การปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำ รวมถึงการปล่อยสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เป็นอันตรายและก่อมะเร็งจากการเผาไหม้ นอกจากนี้ การย่อยสลายที่ไม่สมบูรณ์ยังก่อให้เกิดไมโครพลาสติก ซึ่งเป็นภัยเงียบที่แทรกซึมเข้าสู่ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารในที่สุด

 

สำหรับ “ถุงผ้า” ที่ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่านั้น แท้จริงแล้วก็มีต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมที่ซ่อนอยู่ กระบวนการผลิตเส้นใยฝ้ายซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ต้องใช้น้ำในปริมาณมากถึง 7,000-23,000 ลิตร ต่อฝ้าย 1 กิโลกรัม รวมถึงปุ๋ยเคมี 457 กรัม และยาฆ่าแมลง 16 กรัม ต่อฝ้าย 1 กิโลกรัม หากเป็นผ้าใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ ก็ต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติถึง 1.5 กิโลกรัม ต่อผ้าโพลีเอสเตอร์ 1 กิโลกรัม ลองจินตนาการถึงถุงผ้าฝ้ายขนาด A4 หนึ่งใบ ที่อาจต้องใช้ฝ้ายประมาณ 5 กิโลกรัมเพื่อให้ได้ผ้าผืนใหญ่เพียงพอ นั่นหมายถึงการสูญเสียพลังงานไปมากในกระบวนการผลิต อีกทั้งยังมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ แม้ว่าถุงผ้าจะย่อยสลายได้เร็วกว่าถุงพลาสติก โดยใช้เวลาประมาณ 1-5 เดือน แต่การที่จะใช้ถุงผ้าให้คุ้มค่าพลังงานที่ใช้ในการผลิตนั้น เราอาจต้องใช้งานมากถึง 7,000-20,000 ครั้ง ซึ่งในชีวิตจริงคงเป็นไปได้ยาก

 

ในส่วนของ “ถุงกระดาษ” ที่หลายครั้งถูกนำเสนอเป็นทางเลือกทดแทน ก็มิได้หมายความว่าจะปราศจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตกระดาษ 1 ตัน ต้องใช้ต้นไม้ถึง 17 ต้น ใช้กระแสไฟฟ้าในการตัดไม้และรีดกระดาษถึง 4,100 กิโลวัตต์ และใช้น้ำกว่า 31,500 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณที่มหาศาล แม้ว่าถุงกระดาษจะสามารถย่อยสลายได้ภายใน 5 ปี แต่สารเคมีที่ใช้เคลือบกระดาษก็ยังคงตกค้างอยู่ในดิน นอกจากนี้ กระบวนการผลิตกระดาษยังสร้างมลพิษมากกว่าถุงพลาสติกถึง 70% และปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงใช้เชื้อเพลิงในการผลิตมากกว่าถุงพลาสติกถึง 49 เท่า ที่น่าตกใจคือ ถุงกระดาษสร้างขยะมากกว่าถุงพลาสติกถึง 80% แต่กลับมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า โดยเฉลี่ยใช้ได้เพียง 40-50 ครั้ง เท่านั้น เมื่อเทียบกับพลังงานที่สูญเสียไปและมลพิษที่เกิดขึ้น การใช้ถุงกระดาษจึงอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด

 

ดังนั้น การพิจารณาว่าวัสดุใด “ทำให้โลกเสียหายน้อยที่สุด” นั้น จึงไม่ใช่เพียงแค่การเปรียบเทียบคุณสมบัติของตัววัสดุเอง แต่ต้องพิจารณาถึงวงจรชีวิตทั้งหมด ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การใช้งาน และการกำจัดทิ้ง ซึ่งแต่ละขั้นตอนล้วนมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบที่แตกต่างกันไป สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการเลือกใช้วัสดุใดวัสดุหนึ่ง อาจเป็นการปรับเปลี่ยน “พฤติกรรมการใช้งาน” ของเราเองให้มีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น การลดปริมาณการใช้ การใช้ซ้ำให้คุ้มค่าที่สุด และการจัดการขยะอย่างถูกวิธี อาจเป็นหนทางที่ยั่งยืนกว่าในการลดผลกระทบต่อโลกของเรา

 

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Urban Creature ที่ทางเราไปหาเพิ่มเติมและใช้อ้างอิง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *