กระเป๋ามีกลิ่น แก้ง่ายๆ ด้วยสิ่งของใกล้ตัวที่หาไม่ยาก
การดูแลกระเป๋าให้ห่างไกลจากกลิ่นอับเป็นเรื่องสำคัญที่ใครหลายคนมองข้าม แต่การที่จะต้องไปสรรหาผลิตภัณฑ์เฉพาะหรือถ่านไม้ไผ่มาใช้ก็อาจไม่ใช่เรื่องสะดวกสำหรับทุกคนเสมอไป โชคดีที่เราสามารถนำของใช้ในบ้านมาเป็นตัวช่วยที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นสารดูดซับกลิ่นและลดความชื้นในกระเป๋าได้ โดยของเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง ก็มาอ่านกันได้เลยที่ด้านล่างนี้
กระดาษหนังสือพิมพ์
กระดาษหนังสือพิมพ์ คือของใกล้ตัวที่เรามักมองข้าม แต่แท้จริงแล้วมันมีคุณสมบัติในการ ดูดซับความชื้นได้ดีเยี่ยม ด้วยเนื้อกระดาษที่มีความพรุนสูง เมื่อกระดาษสัมผัสกับความชื้นในอากาศหรือภายในพื้นที่ปิดอย่างกระเป๋า โมเลกุลของน้ำจะถูกดูดซับเข้าไปในเส้นใยของกระดาษ จึงช่วยลดระดับความชื้นที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นอับและเชื้อราได้ หากที่บ้านใครเลี้ยงสัตว์เลี้ยงก็อาจเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่เราก็ได้นำกระดาษาหนังสือพิมพ์มารองปัสสาวะหรืออุจจาระของสัตว์เลี้ยงเรา เนื่องจากมันช่วยทั้งดับกลิ่นได้เป็นอย่างดีนั่นเอง แล้วกลิ่นของกระเป๋าที่ไม่แรงเท่ามูลสัตว์นั้น ก็ช่วยแก้ได้แน่นอน
วิธีการใช้ก็ไม่ยาก เพียงนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาขยำเป็นก้อนหลวมๆ หรือม้วนเป็นแท่ง สอดเข้าไปในช่องว่างต่างๆ ของกระเป๋า หรือจะวางรองก้นกระเป๋าก็ได้ จากนั้นก็ทิ้งไว้ข้ามคืน หรือหากกระเป๋ามีความชื้นมาก อาจทิ้งไว้นานขึ้น อย่างไรก็ตามเราควรเปลี่ยนกระดาษหนังสือพิมพ์ทุก 2-3 วัน หรือเมื่อรู้สึกว่ากระดาษเริ่มชื้น เพื่อให้ประสิทธิภาพในการดูดซับยังคงดีอยู่
**ข้อควรระวังเล็กน้อยสำหรับการใช้หนังสือพิมพ์ สำหรับกระเป๋าที่มีสีอ่อนมาก หรือกระเป๋าหนังที่มีพื้นผิวบอบบาง ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่พิมพ์ด้วยหมึกเยอะๆ เพราะอาจเกิดรอยเปื้อนหมึกได้ เพื่อความปลอดภัย อาจใช้กระดาษไขรองก่อน หรือใช้กระดาษเปล่าที่ไม่พิมพ์หมึกก็ได้
ข้าวสาร
ข้าวสาร โดยเฉพาะข้าวสารขาวที่เราใช้หุงกินกันทุกวัน ก็มีคุณสมบัติเป็น สารดูดความชื้นจากธรรมชาติ ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยโครงสร้างของเม็ดข้าวที่สามารถดูดซับความชื้นจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้ คิดว่าสิ่งนี้คนที่เคยทำโทรศัพท์ตกน้ำ ตากฝน หรือตกส้วมน่าจะรู้ เพราะมีคำแนะนำเบื้องต้นง่ายๆ ให้การช่วยปลุกสมาร์ทโฟนของเราขึ้นมาคือการนำไปจุ่มในข้าวสารให้ท่วมนั่นเอง ซึ่งกับกระเป๋าก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน
วิธีการใช้ ก็ให้ตักข้าวสารประมาณ 1/4 – 1/2 ถ้วย ขึ้นอยู่กับขนาดกระเป๋า ใส่ลงในถุงผ้าโปร่ง ถุงน่องเก่าที่ไม่ใช้แล้ว หรือถุงเท้าที่สะอาดและบาง จากนั้นให้ผูกปากถุงให้แน่น แล้วนำไปวางไว้ในกระเป๋า ทิ้งไว้ในกระเป๋าข้ามคืน หรือหลายวันหากกลิ่นอับรุนแรง แนะนำให้เปลี่ยนข้าวสารทุก 2-4 สัปดาห์ หรือเมื่อรู้สึกว่าข้าวสารเริ่มจับตัวเป็นก้อนแข็ง ซึ่งหมายความว่ามันดูดซับความชื้นไว้เต็มที่แล้ว ข้าวสารที่ดูดความชื้นแล้วไม่ควรนำไปหุงกินต่อ
**ข้อควรระวัง ก็คือเราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าถุงข้าวสารไม่มีรูรั่ว เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดข้าวสารหลุดรอดไปในกระเป๋า ไม่อย่างนั้นมันอาจจะทำให้กระเป๋าของเราสกปรกขึ้น หรือมีแมลง หรือตัวอะไรเข้ามากิน แทะข้าวสาร ส่งผลให้กระเป๋าเราพังหนักกว่าเดิม
ชอล์ก
ชอล์ก ที่ใช้เขียนกระดานที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยเรียนที่คุณครูจะนำมาเขียนกระดานดำเพื่อสอนเรานี่แหละ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการดูดซับความชื้นได้ เพราะชอล์กทำมาจากแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นจากอากาศได้ดีเช่นกัน จึงสามารถนำมาใช้กับกระเป๋าได้ อันนี้นับเป็นความรู้ที่หลายคนอาจไม่รู้เหมือนกันเมื่อเทียบกับไอเท็มสองตัวข้างต้นที่พึ่งกล่าวไป
วิธีการใช้ ก็ให้นำชอล์กแท่ง 2-3 แท่ง หรืออาจจะมากกว่านั้นสำหรับกระเป๋าขนาดใหญ่ มาห่อด้วยผ้าบางๆ หรือใส่ในถุงผ้าตาข่ายเล็กๆ เพื่อป้องกันผงชอล์กเปื้อนกระเป๋า จากนั้นก็วางไว้ในกระเป๋า หรือในช่องเล็กๆ ของกระเป๋า สำหรับชอล์กนั้นสามารถใช้นานหน่อย ให้เปลี่ยนชอล์กทุก 1-2 เดือนก็พอ หรือเมื่อรู้สึกว่ามันดูดซับความชื้นจนประสิทธิภาพลดลง
**ข้อควรระวังสำหรับชอล์กนั้นก็ไม่มากเท่ากับอันอื่นๆ เพียงระมัดระวังเรื่องผงชอล์กที่อาจร่วงหล่นและเปื้อนกระเป๋าได้ หากไม่ได้ห่ออย่างมิดชิด เพราะชอล์กนั้นมันจะเลอะติดมือเหมือนกับผงแป้งเลยล่ะ ดังนั้นเช็คให้ดีๆ ก่อนนำไปใส่ไว้ในกระเป๋าด้วย
กาแฟบด/กากกาแฟ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นกาแฟ กาแฟบด ทั้งที่ยังไม่ได้ใช้และกากกาแฟที่ใช้แล้วแต่ตากแห้งสนิท ก็ถือว่าเป็นสารดูดซับกลิ่นธรรมชาติที่นอกจากจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว อีกทั้งยังปล่อยกลิ่นหอมของกาแฟออกมาแทนที่ ทำให้กระเป๋ามีกลิ่นที่หอมละมุน ซึ่งคอกาแฟหรือใครที่ชอบกลิ่นกาแฟนั้นน่าจะชอบอยู่ไม่น้อย
โดยวิธีการใช้ก็ไม่ยาก ให้เราตักกาแฟบด หรือกากกาแฟแห้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในถุงผ้าโปร่ง หรือถุงเท้าเก่าสะอาดๆ ผูกปากถุงให้แน่น จากนั้นนำไปวางไว้ในกระเป๋า ทิ้งไว้ข้ามคืน หรือจนกว่ากลิ่นอับจะหายไป สำหรับการเปลี่ยนกาแฟบด/กากกาแฟนั้น ควรเปลี่ยนใหม่ทุก 1-2 สัปดาห์ หรือเมื่อกลิ่นกาแฟเริ่มจางลง
**ข้อควรระวังของสิ่งนี้อาจต้องระมัดระวังมากกว่าอันอื่นๆ เป็นพิเศษ เพราะเราต้องแน่ใจว่ากากกาแฟแห้งสนิทจริงๆ ไม่อย่างนั้นล่ะก็บอกเลยว่ากระเป๋าของคุณจะเต็มไปด้วย “เชื้อรา” แน่นอน และควรใส่ในถุงที่ปิดแน่นหนาเพื่อไม่ให้เศษกาแฟหลุดร่วงไปในกระเป๋าจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนด้วยนะ
การใช้ของใกล้ตัวเหล่านี้เป็นทางเลือกที่สะดวก ประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการจัดการกับกลิ่นอับในกระเป๋า การหมั่นดูแลและใช้สารดูดซับกลิ่นเป็นประจำ จะช่วยให้กระเป๋าใบโปรดของคุณหอมสดชื่นและพร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์อยู่เสมอ ใครที่ชอบแบบไหน คิดว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเองก็เลือกตามใจชอบได้อย่างเต็มที่เลย เพราะของพวกนี้จะประหยัดงบมากกว่าไอเท็มเฉพาะ แถมยังหาซื้อง่ายกว่าด้วย