ทำแบรนด์เสื้อผู้หญิง หรือ แบรนด์เสื้อผู้ชาย แบบไหนดีกว่ากัน

ทำแบรนด์เสื้อผู้หญิง หรือ แบรนด์เสื้อผู้ชาย แบบไหนดีกว่ากัน

ทำแบรนด์เสื้อผู้หญิง หรือ แบรนด์เสื้อผู้ชาย แบบไหนดีกว่ากัน

ในยุคที่แฟชั่นเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การตัดสินใจว่าจะทำแบรนด์เสื้อผ้าแนวไหนดีถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะคำถามที่หลายคนสงสัยว่า “ควรทำแบรนด์เสื้อผู้หญิงหรือผู้ชาย?” หากมองในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภค ตลาด และโอกาสทางการขาย คำตอบที่โดดเด่นที่สุดในตอนนี้คือ ผู้หญิง” เพราะเสื้อผ้าผู้หญิงยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องนั่นเอง

 

เหตุผลที่ควรเลือกตลาดเสื้อผ้าผู้หญิง

เสื้อผ้าผู้หญิงมีความหลากหลายทั้งในแง่ของสไตล์และประเภทสินค้า ตั้งแต่เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อครอป เสื้อสายเดี่ยว เดรส ชุดทำงาน ชุดออกกำลังกาย ไปจนถึงแฟชั่นแนวสตรีท หรือมินิมอล ซึ่งทำให้แบรนด์มีทางเลือกในการสร้างจุดขายได้กว้างกว่าแบรนด์เสื้อผู้ชาย

 

ในเชิงธุรกิจ การมีสินค้าที่หลากหลายทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลายระดับ เช่น กลุ่มวัยรุ่นที่ชอบแฟชั่นตามเทรนด์ กลุ่มวัยทำงานที่ต้องการเสื้อใส่ไปออฟฟิศแต่ยังดูดี และกลุ่มแม่บ้านหรือคนที่ชอบความสบายเรียบง่าย ซึ่งความหลากหลายนี้คือโอกาสในการทำตลาดที่กว้างและปรับเปลี่ยนได้ง่ายกว่าแบรนด์เสื้อผู้ชาย ซึ่งโดยทั่วไปจะมีสไตล์และโทนที่ค่อนข้างคงที่ เช่น เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว หรือเสื้อโปโล

 

ผู้หญิงซื้อของด้วยอารมณ์และความรู้สึก

หนึ่งในเหตุผลที่แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงขายได้ดีคือ “พฤติกรรมการซื้อ” ผู้หญิงส่วนใหญ่มักซื้อเสื้อผ้าเพราะความรู้สึกมากกว่าความจำเป็น เช่น เห็นเสื้อแล้วรู้สึกว่าสวย ใส่แล้วมั่นใจ หรืออยากลองสไตล์ใหม่ๆ พฤติกรรมนี้ต่างจากผู้ชายที่มักซื้อเพราะ “ต้องใช้” เช่น เสื้อขาด เสื้อเก่า หรือมีงานต้องใส่

 

การที่ผู้หญิงซื้อของตามอารมณ์ ทำให้แบรนด์สามารถออกแบบแคมเปญทางการตลาดได้หลากหลาย เช่น การเล่าเรื่องราวของคอลเล็กชันผ่านอารมณ์ (“เสื้อตัวนี้ใส่แล้วดูมั่นใจขึ้น”) การสร้างแรงจูงใจทางภาพลักษณ์ (“เสื้อสำหรับผู้หญิงที่อยากดูเรียบแต่หรู”) และการกระตุ้นยอดขายด้วยโปรโมชั่นเฉพาะช่วงเวลา เช่น “ซื้อก่อนหมดเดือนนี้เท่านั้น” ด้วยเหตุนี้ เสื้อผ้าผู้หญิงจึงมีโอกาสขายซ้ำได้บ่อยกว่าผู้ชาย ลูกค้าผู้หญิงสามารถซื้อเสื้อใหม่ทุกเดือนโดยไม่รู้สึกผิด ในขณะที่ผู้ชายบางคนอาจซื้อปีละไม่กี่ครั้ง

 

แฟชั่นผู้หญิงเปลี่ยนไว = โอกาสสร้างรายได้ต่อเนื่อง

อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของการทำแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงคือ “แฟชั่นเปลี่ยนไว” แม้จะดูเป็นความท้าทาย แต่ในมุมธุรกิจ นี่คือโอกาสในการขายต่อเนื่อง เพราะเมื่อเทรนด์ใหม่มา ผู้บริโภคจะอยากซื้อเพิ่ม เพื่ออัปเดตลุคให้ทันสมัย ตัวอย่างเช่น ช่วงหนึ่งฮิต “ครอปท็อป” ต่อมาฮิต “เสื้อกล้ามแนวสปอร์ต” ต่อมาก็จะเป็นเทรนด์ “มินิมอล” กลับมาฮิตอีกครั้ง ทำให้เสื้อผ้าสีพื้นขายดีทั่วโลก หรือแม้แต่การเปลี่ยนฤดูกาล เสื้อผ้าผู้หญิงจะถูกเปลี่ยนสไตล์บ่อยกว่า เช่น เสื้อแขนสั้นในหน้าร้อน เสื้อคาร์ดิแกนในหน้าหนาว

 

สิ่งนี้ทำให้แบรนด์มีโอกาสปล่อยคอลเล็กชันใหม่ได้ตลอดเวลา และสร้างยอดขายหมุนเวียนได้ดี ขณะที่เสื้อผู้ชายบางประเภทสามารถใส่ได้ตลอดปี จึงขายซ้ำได้ยากกว่า

 

ทำแบรนด์เสื้อผู้หญิง หรือ แบรนด์เสื้อผู้ชาย แบบไหนดีกว่ากัน 1

ภาพลักษณ์และการตลาดของแบรนด์ผู้หญิง ทำได้หลากหลายกว่า

แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงสามารถสร้างตัวตนได้หลายแบบ เช่น แบรนด์เรียบหรู สไตล์มินิมอล แบรนด์แฟชั่นสายหวาน แบรนด์แนวสตรีทหรือสปอร์ตเกิร์ล จนไปถึงแบรนด์แนวเซ็กซี่หรือเฟมินีน แต่ละแนวมีลูกค้าชัดเจน และสามารถทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียได้แตกต่างกัน เช่น การถ่ายภาพแฟชั่นในคาเฟ่ การรีวิวการแมทช์เสื้อ หรือคลิปสั้นแนว “try-on haul” ที่ได้รับความนิยมสูงใน TikTok และ Instagram ในขณะที่แบรนด์ผู้ชายแม้จะมีตลาด แต่การเล่าเรื่องจะมีข้อจำกัดมากกว่า เพราะแฟชั่นผู้ชายมักเน้นความเท่ เนี้ยบ หรือเรียบหรู ทำให้คอนเทนต์ที่สร้างอารมณ์ได้มีพื้นที่น้อยกว่า

 

ต้นทุนการผลิตไม่ต่างกันมาก แต่ขายได้ราคาดีกว่า

ในแง่การผลิต เสื้อผู้หญิงและผู้ชายมีต้นทุนใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะถ้าใช้ผ้าคุณภาพเดียวกัน เช่น Cotton 32, Cotton 20 หรือ Interlock แต่สิ่งที่แตกต่างคือ มูลค่าการรับรู้ของผู้บริโภค (Perceived Value) เสื้อผ้าผู้หญิงบางแบบใช้ผ้าไม่มาก แต่สามารถขายได้ในราคาสูงกว่าผู้ชาย เพราะดีไซน์และอารมณ์ของสินค้า เช่น เสื้อครอป เสื้อคัตเอาต์ หรือเสื้อที่มีดีเทลตกแต่ง แม้จะใช้ผ้าเพียงครึ่งหลา แต่สามารถขายในราคาที่เท่ากับหรือสูงกว่าเสื้อยืดผู้ชายหนึ่งตัวเต็ม

 

แบรนด์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้หญิงจึงสามารถทำกำไรได้ดีกว่า ด้วยการออกแบบเสื้อที่ตอบโจทย์ความรู้สึก เช่น “ใส่แล้วดูผอม”, “ดูสดใส”, “ดูแพงขึ้น” หรือ “ดูมั่นใจขึ้น” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคผู้หญิงให้ความสำคัญมากกว่าราคาต้นทุน

 

ผู้หญิงมีการแชร์และบอกต่อมากกว่า

อีกหนึ่งจุดแข็งที่มักถูกมองข้ามคือ “พลังของการบอกต่อ” ผู้หญิงมักแชร์สิ่งที่ตัวเองชอบ ทั้งในโลกออนไลน์และชีวิตจริง เมื่อซื้อเสื้อที่ใส่แล้วรู้สึกดี ก็มักจะถ่ายรูปลงโซเชียล แท็กแบรนด์ หรือแนะนำเพื่อนให้ลองซื้อ สิ่งนี้ทำให้แบรนด์เติบโตจากการตลาดแบบปากต่อปากได้รวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งงบโฆษณามาก เช่น ลูกค้าซื้อเสื้อแบรนด์หนึ่งใส่ไปคาเฟ่ ถ่ายรูปลง IG เพื่อนเห็นก็อยากซื้อบ้าง การแชร์แบบนี้สร้างยอดขายซ้ำได้เรื่อย ๆ ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มลูกค้าผู้ชายที่มักไม่โพสต์หรือแชร์สินค้าแฟชั่นมากนัก

 

ทำแบรนด์เสื้อผู้หญิง ต้องเข้าใจ “อารมณ์” มากกว่า “เหตุผล”

หัวใจของการทำแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงคือ “เข้าใจอารมณ์ลูกค้า” เสื้อผ้าไม่ได้เป็นแค่สิ่งห่มกาย แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนความรู้สึกและบุคลิก เช่น เสื้อที่ใส่แล้วรู้สึกมั่นใจ เสื้อที่ทำให้ดูสดใส หรือเสื้อที่ใส่แล้วรู้สึกว่า “วันนี้เราดูดี”

 

แบรนด์ที่เล่าเรื่องผ่านอารมณ์จะเข้าถึงใจลูกค้าได้มากกว่า เช่น ใช้ภาพถ่ายที่มีบรรยากาศอบอุ่น นุ่มนวล ใช้คำบรรยายที่ทำให้รู้สึกอยากใส่ เช่น “ความสบายที่สัมผัสได้ในทุกวัน” หรือการรีวิวจากลูกค้าจริงที่ใส่แล้วรู้สึกดี ทั้งหมดนี้คือเครื่องมือที่ช่วยสร้าง “ความผูกพันทางอารมณ์” กับลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์เสื้อผู้หญิงได้เปรียบกว่าแบรนด์ผู้ชายอย่างชัดเจน

 

ดังนั้นถ้าเริ่มต้นทำแบรนด์เสื้อ ควรเริ่มจากผู้หญิง เพราะตลาดเสื้อผ้าผู้หญิงยังคงเป็นตลาดใหญ่ เติบโตต่อเนื่อง และมีความยืดหยุ่นสูง ทั้งในด้านดีไซน์ การตลาด และอารมณ์ของผู้บริโภค การทำแบรนด์เสื้อผู้หญิงจึงมีโอกาสสร้างรายได้และเติบโตได้เร็วกว่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด เสื้อครอป เสื้อทำงาน หรือแฟชั่นแนวมินิมอล ถ้าเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและสามารถเล่าเรื่องผ่านอารมณ์ได้ แบรนด์จะสร้างความแตกต่างได้ทันทีในตลาดที่มีการแข่งขันสูงนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด การที่ “ผู้หญิงซื้อของง่าย ซื้อตามอารมณ์” ไม่ได้เป็นแค่ประโยคพูดเล่น แต่เป็นพฤติกรรมจริงของตลาด ที่ทำให้แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงยังคงเป็นพื้นที่ที่น่าลงทุนที่สุดในวงการแฟชั่นทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นหากคุณสนใจทำแบรนด์เสื้อผ้าที่เจาะกลุ่มผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อครอป โอเวอร์ไซส์ หรือลวดลายของสาวๆ สามารถติดต่อเรามาได้ เพียงคลิกตรงนี้ได้เลย 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *