สัญลักษณ์ซักผ้า เกร็ดความรู้เล็กๆ ที่ช่วยให้เสื้อผ้าของคุณอยู่ยาวนานขึ้น
สัญลักษณ์ซักผ้า ที่อยู่ตรงป้ายลาเบลแถบคอ หรือบางแบรนด์อาจให้แถบกระดาษแนะนำมาเพิ่มเติมนั้น แท้จริงแล้วเป็นจุดเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้ามอยู่เหมือนกัน ทว่าคนกลับไม่ค่อยให้ความสนใจมันเท่าไหร่นัก แต่ที่จริงนั้นอยากบอกว่าสำคัญกว่าที่คิด เพราะเจ้าส่วนนี้ที่เป็นสิ่งเล็กๆ นี่แหละจะทำให้เสื้อผ้าตัวนั้นๆ ของเรายังคงดูดี สวย อยู่ทรงและใช้งานได้ไปอีกนาน
ทำไมต้องให้ความสนใจ สัญลักษณ์ซักผ้า กัน?
สัญลักษณ์ซักผ้าสากลบนป้ายเสื้อ หรือ Care label มักจะมีข้อมูลเล็กๆ ในเรื่องของเนื้อผ้าที่เราใส่ว่าคือเนื้อผ้าอะไร เส้นใยประเภทไหน ซึ่งแต่ละเนื้อผ้าก็จะมีการดูแลที่ต่างกันออกไป บางเนื้อผ้าอาจไม่เหมาะกับการซักเครื่อง หรือการอบ ดังนั้นเจ้าสัญลักษณ์ที่ว่านี้นี่แหละที่จะช่วยเป็นคู่มือที่ช่วยยืดอายุขัยให้กับเสื้อผ้าของเรา
ประเภทของ สัญลักษณ์ซักผ้า
ประเภทของสัญลักษณ์ซักผ้าจะถูกแยกตามขั้นตอนต่างๆ ออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน โดยจะเรียงตั้งแต่ การซัก, การฟอกขาว, การซักแห้ง, การอบแห้ง การตากผ้า ไปจนถึงการรีดผ้า ซึ่งก็ไม่ใช่ทุก Care label จะใส่ครบทุกอัน ส่วนใหญ่ที่เขาใส่จะเน้นอะไรที่ต้อง “ระมัดระวัง” เป็นพิเศษ โดยแอดจะขอพูดถึงสัญลักษณ์ทั้ง 6 ประเภท ดังนี้
การซัก
สำหรับสัญลักษณ์การซักนั้น จะมีลักษณะเป็น “รูปกะละมังมีน้ำอยู่ภายใน” บ่งบอกว่าซักเครื่องได้ หากมีตัวเลขอุณหภูมิในกะละมังด้วย แสดงว่าเราควรซักด้วยน้ำที่อุณหภูมิ 30 °C หรือต่ำกว่านั้น เพราะส่วนใหญ่จะใส่เลขเป็น 30 นั่นเอง หากตัวเลขไม่ใช่ 30 เราก็ขยับอุณหภูมิไปตามตัวเลขที่ระบุในรูปกะละมัง แต่ถ้าเป็นสัญลักษณ์สไตล์อเมริกาจะมีความพิเศษขึ้นมา เพราะเขาจะใช้สัญลักษณ์เป็นจุดกลมๆ แทนตัวเลขอุณหภูมิน้ำแทน โดยมีความหมาย ดังนี้
1 จุด คือ 30 °C , 2 จุด คือ 40 °C, 3 จุด คือ 50 °C
4 จุด คือ 60 °C, 5 จุด คือ 70 °C และ 6 จุด คือ 95 °C
ถัดจากเรื่องอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมกับผ้าแต่ละชิ้นแล้ว ก็ยังสัญลักษณ์บอกโหมดของการซักเครื่องอีกด้วย ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จาก “ขีดแนวนอนใต้กะละมัง” โดยสากลจะแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน ดังนี้
1 ขีดใต้กะละมัง คือซักเครื่อง โหมด Permanent press อุณหภูมิน้ำจะอยู่ที่ 30 – 40 °C เป็นการ “ซักเสื้อผ้าในน้ำอุ่นและล้างด้วยน้ำเย็น” รอบหมุนปานกลาง เหมาะสำหรับผ้าสี ผ้าใยสังเคราะห์ และเหมาะกับผ้าที่ไม่ต้องรีดหรือรีดสำเร็จแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดรอยยับ
2 ขีดใต้กะละมัง คือซักเครื่อง โหมดถนอมผ้า อุณหภูมิน้ำจะอยู่ที่ 18 – 24 °C เป็นการ “ซักเสื้อผ้าในน้ำเย็น” รอบหมุนไม่รุนแรง ช่วยถนอมผ้า เหมาะสำหรับผ้าที่บอบบาง เช่น ลินิน คอตตอนที่ผสมใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ และประเภทผ้าพวกใยขนสัตว์
ไม่มีขีดใต้กะละมัง คือให้เราซักเครื่อง โหมดซักทั่วไป อุณหภูมิน้ำจะอยู่ที่ 50 – 60 °C สามารถ “ซักเสื้อผ้าได้ในน้ำร้อน” รอบหมุนเร็ว กำจัดกลิ่นเหม็น เหมาะสำหรับการซักผ้าขาวประเภท ผ้าฝ้าย คอตตอน (cotton
สัญลักษณ์รูปมือเหนือกะละมัง คือ “ควรซักผ้าด้วยมือ” ซึ่งเป็นการซักที่นุ่มนวลที่สุด เพราะแรงซักและแรงขยี้จากมือของเราไม่มีทางแรงเท่าเครื่องซักผ้า อย่างไรก็ตามแอดขอแนะนำให้ใช้ น้ำยาซักผ้าสูตรซักมือ หรือไม่ก็ใส่ถุงมือในการซัก เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนน้ำยาซักผ้ากัดจนเกิดการระคายเคืองที่มือ
สัญลักษณ์รูปกากบาททับกะละมัง คือ “ห้ามซักเด็ดขาด” ไม่ว่าจะด้วยเครื่องซักผ้า หรือการซักผ้ามือก็ได้ อาจต้องใช้การทำความสะอาดแบบอื่น เช่น สเปรย์หรือโฟมทำความสะอาด หรืออาจเป็นผ้าเปียกแทนได้
การฟอกขาว
มาทำรู้จักกับ สารฟอกขาว กันก่อน ซึ่งมันได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
Chlorine Bleach สำหรับสารฟอกขาวอย่าง คลอรีน บลีช เหมาะกับการ “ซักผ้าขาวที่เป็นผ้าฝ้ายและผ้าลินิน” เพราะสารตัวนี้สามารถช่วยขจัดคราบหนักฝังแน่นสูง ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี และยังช่วยฟอกผ้าให้ขาวสว่างสดใส แต่สารตัวนี้นั้นก็ไม่เหมาะที่จะใช้กับผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ และผ้าไนลอน เพราะจะทำให้เส้นใยเนื้อผ้าเสียหายได้
Oxygen Bleach สำหรับสารฟอกขาวอย่าง ออกซิเจน บลีช เหมาะกับ “การฟอกทำความสะอาดผ้าสี” เพราะสามารถขจัดคราบเปื้อนทั่วๆ ไป ทำให้สีสันของเสื้อผ้าเรานั้นกลับมาสดใสเหมือนใหม่
ในส่วนของสัญลักษณ์และความหมายของการฟอกขาวนั้นจะมีลักษณ์เป็น “รูปสามเหลี่ยม” โดยแต่ละอันจะมีความหมาย ดังต่อไปนี้
สัญลักษณ์สามเหลี่ยมปกติ หมายความว่า สามารถใช้สารฟอกขาวชนิดใดก็ได้
สัญลักษณ์สามเหลี่ยมมีขีดแนวทแยง 2 เส้นภายใน หมายความว่า ห้ามใช้สารฟอกที่มีคลอรีนเป็นส่วนผสม
สัญลักษณ์สามเหลี่ยมมีอักษร CL ภายใน หมายความว่า สามารถใช้สารฟอกขาวที่มีคลอรีนเป็นส่วนผสมได้
สัญลักษณ์สามเหลี่ยมมีกากบาททับ หมายความว่า ห้ามใช้สารฟอกขาวเด็ดขาด
การซักแห้ง
ในส่วนของสัญลักษณ์ซักแห้งนั้น จะหมายถึงการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าโดยไม่ใช้ผงซักฟอกหรือน้ำเป็นตัวทำละลาย แต่ใช้การซักด้วยน้ำยาหรือน้ำมันพิเศษอย่าง เพอร์คลอโรเอทิลีน (Perchloroethylene) ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบในปริมาณที่น้อยมากๆ ไปจนถึงไม่มีเลย จึงช่วยถนอมใยผ้าได้ และควรซักกับเครื่องซักแห้งโดยเฉพาะ “ไม่ควรซักด้วยมือเด็ดขาด” เพราะจะเป็นอันตรายต่อผิว
ในส่วนของสัญลักษณ์และความหมายของการซักแห้งนั้นจะมีลักษณ์เป็น “รูปวงกลม” โดยแต่ละอันจะมีความหมาย ดังต่อไปนี้
สัญลักษณ์วงกลม หมายความว่า ซักแห้งเท่านั้น
สัญลักษณ์วงกลมมีตัวอักษร A ภายใน หมายความว่า ซักแห้งได้ด้วยน้ำยาทุกชนิด
สัญลักษณ์วงกลมมีตัวอักษร P ภายใน หมายความว่า ใช้น้ำยาซักแห้งได้ทุกชนิด ยกเว้น “ไตรคลอโรเอทธิลีน” ซึ่งเป็นสารทำความสะอาดที่มักใช้ในอุตสาหกรรมโรงงาน
สัญลักษณ์วงกลมมีตัวอักษร F ภายใน หมายความว่า ใช้น้ำยาซักแห้งชนิดสารละลายปิโตรเลียมเท่านั้น
สัญลักษณ์วงกลมมีกากบาททับ หมายความว่า ห้ามซักแห้งโดยเด็ดขาด
การอบแห้ง
การอบแห้งนั้นเป็นอะไรที่ไม่ว่าใครก็คงชอบ เพราะด้วยความสะดวกและรวดเร็วในการซัก ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาตาก แถมยังหอมมากๆ อีกด้วย แต่ก็ใช่ว่ามันจะดีทั้งหมด เพราะเคยมีกรณีไฟไหม้เครื่องอบแห้งมาแล้ว สาเหตุมาจากการอบผ้าที่ทนความร้อนสูงไม่ได้หรือไม่เหมาะกับการอบนั่นเอง
ในส่วนของสัญลักษณ์และความหมายของการอบแห้งนั้นจะมีลักษณ์เป็น “รูปสี่เหลี่ยมและมีวงกลมภายใน” ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการใช้จุดทึบกลม เป็นตัวกำหนดอุณหภูมิสูง กลาง ต่ำ โดยแต่ละอันจะมีความหมาย ดังต่อไปนี้
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม มีวงกลมภายใน หมายความว่า สามารถอบแห้งด้วยอุณหภูมิใดก็ได้
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม มีวงกลมสีดำภายใน หมายความว่า อบผ้าแบบเป่าลม โดยไม่ใช้ความร้อน
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม มีวงกลมภายใน กับจุดภาย
: จุด 1 จุด หมายความว่า อบแห้ง ด้วยระดับความร้อนต่ำ หรือประมาณ 60 °C
: จุด 2 จุด หมายความว่า อบแห้ง ด้วยระดับความร้อนปานกลาง หรือประมาณ 70 °C
: จุด 3 จุด หมายความว่า อบแห้ง ด้วยระดับความร้อนสูง หรือประมาณ 80 °C
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม มีวงกลมภายใน กับขีดแนวนอนใต้ล่าง
: 1 ขีด หมายความว่า อบแห้งอุณหภูมิใดก็ได้ ด้วยโหมด Permanent press ที่เหมาะกับผ้าที่ไม่ต้องรีดหรือรีดสำเร็จมาแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดรอยยับ
: 2 ขีด หมายความว่า อบแห้งอุณหภูมิใดก็ได้ ด้วยโหมดถนอมผ้า
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม มีวงกลมที่ถูกกากบาททับ หมายความว่า ห้ามอบแห้งเด็ดขาด
การตากผ้า
ในการตากผ้าโดยส่วนใหญ่แล้วนั้นเรามักจะห้อยไม้แขวนแล้วตาก หรือไม่ก็พาดไว้บนราว ซึ่งมันก็อาจทำให้เสื้อผ้าของเราเสียรูปทรง หรือเป็นรอยไม้แขวนเสื้อบริเวณช่วงไหล่ได้ โดยเราสามารถเลี่ยงปัญหานี้ได้ ด้วยการอ่านความหมายของ “สัญลักษณ์การตากผ้า” นั่นเอง
ในส่วนของสัญลักษณ์และความหมายของการตากผ้านั้นจะมีลักษณ์เป็น “รูปสี่เหลี่ยม” โดยแต่ละอันจะมีความหมาย ดังต่อไปนี้
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม หมายความว่า ตากให้แห้งด้วยวิธีใดก็ได้
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม มีเส้นครึ่งวงกลมมุมบน หมายความว่า แขวนตากให้แห้ง
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม ภายในมีขีดแนวตั้ง 2-3 ขีด หมายความว่า ตากโดยใช้ไม้หนีบ หนีบผ้าติดกับราวในขณะที่ผ้ายังเปียกและต้องจัดให้เรียบ พยายามให้มีรอยยับหรือรอยพับให้น้อยที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องรีด
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม ภายในมีขีดแนวนอน 1 ขีด หมายความว่า พาดหรือวางตากในแนวราบ
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม ภายในมีเส้นแนวทแยงมุมซ้ายบน 2 ขีด หมายความว่า ตากด้วยวิธีใดก็ได้ แต่ควรตากในที่ร่มเท่านั้น เพราะถ้าเจอแสงแดดโดยตรงจะทำให้เนื้อผ้ากระด้างและเสียหายได้
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมถูกกากบาททับ หมายความว่า ห้ามตากเด็ดขาด (พบในเสื้อผ้าที่ห้ามซัก)
สัญลักษณ์ผ้าถูกบิด มีกากบาททับ หมายความว่า ห้ามบิดผ้าก่อนตากเด็ดขาด
การรีดผ้า
เชื่อว่าหลายบ้านมักใช้เตารีดไอน้ำรีดเสื้อผ้าทุกตัวเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางตัวที่ไม่สามารถใช้เตารีดไอน้ำรีดได้เช่นกัน ซึ่งทำให้สัญลักษณ์การรีดผ้านั้นสำคัญอย่างมากในส่วนนี้
ในส่วนของสัญลักษณ์และความหมายของการตากผ้านั้นจะมีลักษณ์เป็น “รูปเตารีด” โดยแต่ละอันจะมีความหมาย ดังต่อไปนี้
สัญลักษณ์เตารีด หมายความว่า รีดผ้าด้วยอุณหภูมิใดก็ได้
สัญลักษณ์เตารีด มีจุดกลม
: 1 จุด หมายความว่า รีดผ้าด้วยความร้อนต่ำ
: 2 จุด หมายความว่า รีดผ้าด้วยความร้อนปานกลาง
: 3 จุด หมายความว่า รีดผ้าด้วยความร้อนสูง
สัญลักษณ์เตารีด พร้อมขีดแนวทแยงข้างล่างถูกกากบาททับ หมายความว่า ห้ามใช้ไอน้ำในการรีด หรือห้ามรีดด้วยเตารีดไอน้ำเด็ดขาด
สัญลักษณ์เตารีดถูกกากบาททับ หมายความว่า ห้ามรีดเด็ดขาด
อ่านมาจนจบนี้หลายคนคงได้รู้ถึงความสำคัญของเจ้าสัญลักษณ์ซักผ้ากันแล้วใช่ไหม? สัญลักษณ์ซักผ้าเปรียบเหมือนคู่มือ ซึ่งก็ไม่แปลกที่คนทั่วไปก็มักไม่อ่านกัน แต่หากเราอ่านสักนิด รับรองว่าชีวิตดีขึ้นอย่างแน่นอน ทางเรา ธน พลัส 153 ก็มีรับผลิตสัญลักษณ์ซักผ้ารวบไปกับลาเบลคอด้วยเหมือนกันนะ หากสนใจสามารถติดต่อได้ผ่าน Line @TNP153 จะมีแอดมินมากประสบการณ์คอยให้คำแนะนำและช่วยให้คุคณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วย