เลือกกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายหลัง เลือกยังไงให้ดีต่อสุขภาพ ไม่ปวดหลัง

เลือกกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายหลัง เลือกยังไงให้ดีต่อสุขภาพ ไม่ปวดหลัง

เลือกกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายหลัง เลือกยังไงให้ดีต่อสุขภาพ ไม่ปวดหลัง

กระเป๋าเป้สะพายหลังถือว่าเป็นเหมือนอวัยวะที่ 33 ของใครหลายคนในยุคนี้ ไม่ว่าจะไปเรียน ทำงาน เดินทางท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมผจญภัย แต่รู้หรือไม่ว่า การเลือกและใช้งานกระเป๋าเป้ที่ไม่ถูกต้อง อาจกลายเป็นต้นเหตุของอาการปวดหลังเรื้อรัง และปัญหาทางสุขภาพอื่นๆ ได้ วันนี้เราจะมาเจาะลึกเคล็ดลับการเลือกกระเป๋าเป้ที่ดีต่อสุขภาพและไม่ทำให้ปวดหลัง รวมถึงวิธีใช้งานที่ถูกต้องกัน

 

หลักการเลือกขนาดและความจุของกระเป๋าเป้

ก่อนจะตัดสินใจซื้อเป้ใบไหน สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ คุณจะใช้เป้ไปทำอะไร และสรีระของคุณเป็นแบบไหน โดยเราต้องเลือกขนาดให้เหมาะกับการใช้งาน หากใช้งานประจำวัน อย่างไปเรียนหรือทำงานทุกวัน ก็ควรเลือกเป้ขนาดเล็กถึงกลาง ความจุประมาณ 15-30 ลิตร เน้นช่องแบ่งจัดเก็บที่พอดีกับของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โน้ตบุ๊ก หนังสือ หรือเอกสาร

 

หากเป็นเดินทางสั้นๆ ประมาณ 1-3 วัน แนะนำเป็นความจุ 30-50 ลิตร กำลังดี ใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวได้ครบ ไม่ต้องพกกระเป๋าเสริม แต่ถ้าต้องเดินทางยาวๆ หรืออยากจะแบ็กแพ็ก พวก 3 วันขึ้นไป แนะนำความจุ 50 ลิตรขึ้นไป เหมาะสำหรับแบกสัมภาระจำนวนมากสำหรับการเดินทางไกล หรือกิจกรรมที่ต้องใช้ของเยอะ

 

หลังจากรู้การใช้งานแล้ว ก็เลือกขนาดให้เข้ากับสรีระ โดยวัดจาก “ความยาวหลัง (Torso Length)” ไม่ใช่ความสูงของตัวคุณ แต่คือความยาวจากฐานคอ (กระดูกคอ C7) ลงมาถึงส่วนที่นูนที่สุดของกระดูกสะโพก (Iliac Crest) การเลือกเป้ที่มีความยาวหลังที่พอดี จะช่วยให้ระบบรองรับน้ำหนักของเป้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และดูความกว้างของไหล่ เพื่อที่จะสายสะพายควรพอดีกับความกว้างของไหล่ ไม่แคบหรือกว้างเกินไป

 

คุณสมบัติสำคัญของกระเป๋าเป้ที่ดีเป็นอย่างไร

กระเป๋าเป้ที่ดีต่อสุขภาพจะมีฟีเจอร์เหล่านี้ ที่ช่วยกระจายน้ำหนักและลดแรงกดบนหลังของคุณ โดยคำนึงถึงแผ่นรองหลังระบายอากาศ ควรใช้วัสดุที่นุ่ม มีความยืดหยุ่น และระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าตาข่าย หรือโฟมบุที่ออกแบบมาให้มีช่องว่าง เพื่อไม่ให้แผ่นหลังของคุณอับชื้นจากเหงื่อ ในส่วนของดีไซน์ บางรุ่นมีโครงสร้างแบบยกสูง (Suspended Mesh) ที่สร้างช่องว่างระหว่างหลังกับเป้ ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดียิ่งขึ้น ลดความร้อนสะสมบริเวณแผ่นหลัง

 

มาดูเรื่องของ สายสะพายรองรับน้ำหนัก (Shoulder Straps) กันบ้าง สายสะพายควรมีความกว้างอย่างน้อย 2-3 นิ้ว และมีความหนาพอสมควร เพื่อกระจายน้ำหนักบนบ่า ไม่ให้สายบาดไหล่ และบริเวณที่สัมผัสกับไหล่ควรบุด้วยวัสดุที่นุ่มและระบายอากาศได้ดี สายสะพายควรมีรูปทรงที่โค้งรับกับสรีระของบ่าและหน้าอก โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง ควรเลือกสายสะพายที่ออกแบบมาสำหรับสรีระผู้หญิงโดยเฉพาะ (S-Curve หรือ J-Curve)

 

เข็มขัดรัดเอว/สะโพก (Hip Belt) และ สายรัดอก (Sternum Strap) อันนี้สำหรับกระเป๋าเป้ที่แบ็กแพ็ค โดยเข็มขัดรัดเอวที่ดีจะช่วยถ่ายเทน้ำหนักส่วนใหญ่ (ประมาณ 60-70%) จากบ่าและหลัง ไปยังสะโพกและขา ซึ่งเป็นส่วนที่แข็งแรงกว่าของร่างกาย ควรมีความกว้างพอที่จะรองรับสะโพกได้อย่างมั่นคง และมีการบุผ้านุ่มๆ เพื่อความสบาย เมื่อรัดแล้ว จุดกึ่งกลางของเข็มขัดควรกระชับอยู่บริเวณกระดูกเชิงกราน

 

วิธีจัดของในเป้เพื่อกระจายน้ำหนัก

การจัดของหรือวางของในกระเป๋านั้นช่วยเรื่องของการกระจายน้ำหนักอยู่เหมือนกัน และมีผลต่อความหนักที่เราต้องแบกสะพายด้วย ซึ่งสิ่งที่ควรทำคือ “วางของหนักไว้กลางหลัง” ให้วางของที่หนักที่สุดไว้ใกล้กับแผ่นหลังของคุณ และให้อยู่กึ่งกลางเป้ เพื่อให้แรงโน้มถ่วงกดลงตรงๆ ที่กระดูกสันหลังและสะโพก ไม่ถ่วงไปด้านหลังหรือด้านใดด้านหนึ่ง ส่วนของที่หนักปานกลางให้วางไว้ด้านบน/ล่างของของที่หนัก และของที่เบาที่สุด เช่น เสื้อผ้า หรือของที่หยิบใช้ง่าย สามารถวางไว้ด้านนอก หรือในช่องเสริมต่างๆ ของเป้ได้

 

ปัญหาปวดหลังจากการใช้เป้

อาการปวดหลังจากการใช้เป้เป็นปัญหายอดฮิต มาทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีป้องกันกัน โดยสาเหตุหลักของการปวดหลัง ก็คือการแบกน้ำหนักมากเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่ควรแบกน้ำหนักเกิน 10-15% ของน้ำหนักตัว สำหรับผู้ใหญ่ และไม่เกิน 10% สำหรับเด็ก รวมทั้งปรับสายไม่ถูกต้อง ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของเป้ไม่สมดุล น้ำหนักไปลงที่ไหล่หรือหลังส่วนบนมากเกินไป และการเลือกเป้ผิดขนาด/สรีระ ทำให้เป้ไม่พอดีกับหลัง ไม่สามารถกระจายน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดของผิดวิธี วางของหนักไว้ด้านนอก หรือด้านล่าง ทำให้เป้ถ่วงไปด้านหลัง หรือสะพายเป้ข้างเดียว ทำให้ไหล่ข้างหนึ่งรับน้ำหนักมากเกินไป และกระดูกสันหลังบิดงอ ก็เป็นปัญหาด้วยเช่นกัน

 

วิธีป้องกันและแก้ไข

เบสิคมาก เพียงแค่ลดน้ำหนักเป้ พกเฉพาะของที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้นก็แก้ปัญหาไปได้ครึ่งนึงแล้ว แล้วก็อย่าลืมปรับสายให้ถูกต้องเสมอ ทุกครั้งที่สะพายเป้ ควรปรับสายให้กระชับและถูกต้องตามหลักการ เลือกเป้ที่เหมาะกับสรีระ ให้ลองสะพายและลองปรับสายก่อนซื้อเสมอ จัดของให้สมดุล วางของหนักไว้ใกล้หลังเสมอ สะพายสองข้าง สะพายเป้ด้วยสายทั้งสองข้างเสมอ เพื่อกระจายน้ำหนักให้เท่ากัน

 

การลงทุนกับกระเป๋าเป้ที่ดี และเรียนรู้วิธีใช้งานที่ถูกต้อง ไม่ได้เป็นแค่การลงทุนในอุปกรณ์ แต่เป็นการลงทุนใน “สุขภาพหลัง” ของคุณนั่นเอง เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตและเดินทางได้อย่างสบายใจ ไร้กังวลเรื่องอาการปวดหลังมากวนใจ ดังนั้นแนะนำให้ทำตามข้อมูลข้างต้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *