เสื้อยืดสีขาว ดูแลยังไงไม่ให้หมอง ไม่ให้เหลือง
เสื้อยืดสีขาว ถือว่าเป็นอะไรที่มันคลาสสิกสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ นึกอะไรไม่ออกก็หยิบมาใส่ ใส่เมื่อไหร่ก็ดูดี ดูสะอาดสะอ้าน แต่ความจริงก็คือ เสื้อยืดสีขาวนี่แหละตัวดีที่ดูแลยากที่สุดในบรรดาสีทั้งหมด แถมใส่ไปไม่นานก็เริ่มหมอง เริ่มมีคราบเหลืองใต้วงแขน หรือคราบสกปรกฝังแน่นกวนใจซะแล้ว ทำให้เราต้องคอยดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ก็ทิ้ง ซื้อใหม่
ซึ่งในบทความนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับที่ไม่ลับ แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ ว่าจะดูแลเสื้อยืดสีขาวคู่ใจยังไงให้คงความสดใสเหมือนใหม่ ป้องกันปัญหาจุกจิกกวนใจพวกนี้ พร้อมวิธีซักที่ถูกต้องและผลิตภัณฑ์ที่ควรเลือกใช้ รับรองว่าเสื้อขาวของคุณจะกลับมาใช้งานได้เหมือนใหม่แน่นอน
สาเหตุที่ทำให้เสื้อขาวหมองหรือเหลืองคืออะไร
ก่อนจะหาวิธีแก้ เราต้องรู้ก่อนว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เสื้อขาวของเราต้องเผชิญกับชะตากรรมอันน่าเศร้าอย่างความหมองหรือความเหลืองซะก่อน อย่างแรกเลยคงจะเป็น คราบเหงื่อและผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย นี่คือตัวการอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ เหงื่อของเราเองนี่แหละตัวดี เมื่อผสมกับอะลูมิเนียมคลอโรไฮเดรต (Aluminum Chlorohydrate) ที่อยู่ในโรลออนหรือสเปรย์ระงับกลิ่นกาย จะทำปฏิกิริยากัน ทำให้เกิด คราบเหลืองฝังแน่น บริเวณใต้วงแขน หรือคอเสื้อ หากปล่อยไว้นานๆ คราบจะยิ่งฝังลึกและกำจัดยาก
ส่วนต่อมาก็คือคราบสกปรกจากสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน มลภาวะต่างๆ ในอากาศ รวมถึงคราบน้ำมันจากผิวหนังของเราเอง ก็สามารถสะสมบนเส้นใยผ้า ทำให้เสื้อดูหมองคล้ำ ไม่สดใส การซักรวมกับผ้าสีก็มีผลเหมือนกันนะ เป็นข้อห้ามข้อใหญ่เลยสำหรับเสื้อขาว เพราะการซักเสื้อขาวรวมกับผ้าสี จะทำให้ สีจากผ้าอื่นๆ ตกใส่ หรือเกิดการถ่ายเทของเม็ดสี ทำให้เสื้อขาวดูหม่นหมองลงเรื่อยๆ น้ำยาซักผ้าและผงซักฟอกตกค้างก็เกี่ยวเหมือนกัน หากใช้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกมากเกินไป หรือล้างออกไม่หมด สารเคมีเหล่านี้สามารถสะสมบนเนื้อผ้า และเมื่อโดนความร้อนจากแสงแดดหรือการรีด ก็จะทำปฏิกิริยาเกิดเป็นคราบเหลืองได้ สิ่งที่หลายคนพลาดไปก็คือแสงแดดที่มากเกินไป แม้จะดูเหมือนช่วยให้ผ้าแห้งและขาวขึ้น แต่การตากแดดจัดๆ เป็นเวลานาน โดยเฉพาะกับเสื้อขาวที่ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์บางอย่างมา อาจทำให้เส้นใยผ้าอ่อนแอ และเกิดปฏิกิริยาเหลืองขึ้นมาได้
เคล็ดลับซักเสื้อขาวให้ขาว
และแล้วก็ได้ถึงเวลาลงมือปฏิบัติ การซักเสื้อขาวให้ถูกวิธีจะช่วยยืดอายุความขาวใสของมันได้นานขึ้น อย่างแรกที่ต้องทำเลยคือการ “แยกผ้าขาวออกจากผ้าสีเสมอ” นี่คือหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ห้ามซักรวมเด็ดขาด แยกผ้าขาวทั้งหมดออกมาซักในกะละมังหรือเครื่องซักผ้าแยกต่างหาก หรือถ้าสุดๆ จริงๆ ก็ใช้การใส่ถุงซักผ้าแทนก็ได้
การซักทันทีที่พบรอยเปื้อนก็สำคัญ ยิ่งซักเร็วเท่าไหร่ คราบก็ยิ่งหลุดง่ายขึ้นเท่านั้น อย่าปล่อยให้คราบฝังแน่นข้ามคืน เพราะจะกำจัดยากกว่าเดิมหลายเท่า ในการซักควรใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ เพราะน้ำร้อนสามารถทำให้คราบโปรตีน (เช่น คราบเหงื่อ) ฝังแน่นยิ่งขึ้น และอาจทำให้ผ้าบางชนิดหดตัวได้ น้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการซักเสื้อขาว
ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับผ้าขาวโดยเฉพาะ พวกผงซักฟอก/น้ำยาซักผ้าสำหรับผ้าขาว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีส่วนผสมของสารเพิ่มความสดใส (Optical Brighteners) หรือเอนไซม์ที่ช่วยขจัดคราบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน (สำหรับคราบไม่หนัก) ก็ดีเหมือนกัน หากเสื้อไม่ได้สกปรกมาก การใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนก็เพียงพอ และจะช่วยถนอมเส้นใยผ้าได้ดีกว่า แต่ก็อย่าใส่ผงซักฟอก/น้ำยามากเกินไปล่ะ การใส่เยอะไม่ได้แปลว่าจะสะอาดขึ้น แต่กลับทำให้เกิดฟองมากเกินไป และอาจล้างออกไม่หมด เกิดการสะสมของสารเคมีบนผ้าและทำให้เกิดคราบเหลืองตามมาในระยะยาวได้ ให้ใช้ตามปริมาณที่ระบุบนฉลากเท่านั้น
ตัวช่วยกำจัดคราบเหลืองคราบหมองให้หมดไป
เมื่อเสื้อขาวเริ่มมีอาการ ลองใช้ตัวช่วยเหล่านี้ รับรองว่าคราบจะจางหายไปราวกับเวทมนตร์ นั่นก็คือ “เบกกิ้งโซดา + น้ำส้มสายชู” ถือว่าเป็นคู่หูดูโอ้ที่มาด้วยกันเลยก็ว่าได้ สำหรับคราบเหลืองใต้วงแขน ให้ผสมเบกกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะ กับน้ำสะอาด ¼ ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อข้นๆ นำส่วนผสมที่ได้มาป้ายให้ทั่วคราบเหลืองใต้วงแขน หรือบริเวณที่มีคราบหมอง แล้วขัดเบาๆ ใช้แปรงสีฟันเก่าๆ หรือแปรงขนนุ่ม ขัดเบาๆ เน้นย้ำบริเวณคราบ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง (หรือนานกว่านั้นสำหรับคราบฝังแน่น) จากนั้นให้นำไปซักด้วยมือหรือเครื่องซักผ้าตามขั้นตอนข้างต้น
หรือใครไม่ชอบอยากใช้พวกน้ำยาก็ได้ แนะนำเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) มีฤทธิ์เป็นสารฟอกขาวแบบอ่อนๆ เหมาะสำหรับผ้าขาว โดยให้ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% (หาซื้อได้ตามร้านขายยา) ในอัตราส่วน 1 ส่วน กับน้ำสะอาด 1 ส่วน แช่เสื้อเฉพาะส่วนที่มีคราบเหลือง หรือป้ายลงบนคราบโดยตรง ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วนำไปซักตามปกติ
จะใช้สิ่งที่หาได้ง่ายๆ อย่าง น้ำมะนาว กรดซิตริกในมะนาวช่วยขจัดคราบเหลืองได้ดี ให้บีบน้ำมะนาวสด 1 ลูก ลงในน้ำอุ่น 1 ถ้วย แช่เฉพาะส่วนที่มีคราบเหลืองทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง หรือนำไปตากแดดขณะที่แช่อยู่ในน้ำมะนาว จะช่วยให้ขาวขึ้น ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วนำไปซัก
คำแนะนำเพิ่มเติม
การตากนั้น แนะนำให้ “ตากกลับด้าน” เพื่อป้องกันแสงแดดโดยตรงทำลายเนื้อผ้าและทำให้สีผ้าซีดจาง ถึงแม้จะเป็นสีขาวก็ตาม หลีกเลี่ยงการเก็บในที่อับชื้น เพราะความชื้นคือศัตรูของผ้าขาว เมื่อเสื้อแห้งสนิทแล้ว ควรเก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้น มีอากาศถ่ายเทดี หากเก็บในตู้เสื้อผ้า ควรมีถุงดูดความชื้น หรือถุงถ่านไม้ไผ่ วางไว้ด้วย สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปคือการ “เก็บแยกจากเสื้อผ้าสี” เพราะถึงจะอยู่ในตู้เสื้อผ้า ก็ควรแยกเสื้อขาวออกจากเสื้อผ้าสี เพื่อป้องกันการถ่ายเทของเม็ดสี หรือการตกสีในระยะยาว
การดูแลเสื้อยืดสีขาวอาจจะดูมีรายละเอียดและต้องการการดูแลเป็นพิเศษไปสักหน่อย แต่ถ้าคุณลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าเสื้อยืดสีขาวของคุณจะไม่หมอง ไม่เหลือง ใช้ได้นาน ใช้ซ้ำบ่อยๆ ก็ยังได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคราบเหลืองหรือความหมองอีกต่อไป