ประวัติ MUJI แบรนด์มินิมอล ต้นตำหรับความเป็นญี่ปุ่น
ประวัติ MUJI (มูจิ) แบรนด์มินิมอล สัญชาติญี่ปุ่น ที่ตีคู่มากับ Uniqlo (ยูนิโคล่) แต่หากถ้าให้พูดถึง “มูจิ” เราคงมองถึงความมินิมอลแบบครบวงจรมากกว่าแค่แบรนด์เสื้อผ้า เพราะแบรนด์นี้เขาครอบคลุมและโดดเด่นในเรื่องของอุปกรณ์เครื่องใช้ เครื่องเขียนเป็นอย่างมาก โดยวันนี้เราจะมาดูความสำเร็จและการเติบโตของมูจิกัน
ประวัติความเป็นมา
แบรนด์ MUJI หรือ มูจิ เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มต้นจากการเป็นแบรนด์ที่จำหน่าย “สินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน” แบบครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เราต้องสวมใส่ เครื่องเขียนที่เราต้องใช้ในวัยเรียนและทำงาน ไปจนถึงข้าวของใช้ในบ้าน ด้วยแนวคิดที่เน้น “ความเรียบง่าย การใช้งานจริง และคุณภาพที่ดี” ทำให้ตัวแบรนด์ของมูจิได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และขยายสาขาไปทั่วโลก
จุดแข็งของแบรนด์
เอาตรงๆ แบรนด์มูจิที่ผลิตสินค้าออกมากมาย แถมแต่ละอย่างยังคุณภาพดีและล้วนได้กลิ่นอายความญี่ปุ่นที่เรียบง่าย แต่น่าใช้ ไม่ว่าใครมองมาก็รู้ว่าแบรนด์นี้ไปได้ไกลแน่นอน ซึ่งข้อแรกที่แอดและใครๆ ต่างก็รู้ว่าคือ ความเรียบง่าย แบบ Minimal Style เนื่องจากแบรนด์มูจิยึดหลัก “ความเรียบง่าย” เป็นสโลแกนหลักเลยก็ว่าได้ โดยจะเน้นดีไซน์ทางเรียบง่าย ไม่มีซับซ้อน ไม่ฉูดฉาด ใช้โทนสีพื้นๆ เอิร์ธโทนที่มองแล้วสบายตา ทำให้สินค้าแต่ละอย่างของมูจิดูทันสมัยและเข้ากับทุกสไตล์
วัสดุที่ใช้ในการผลิตสินค้าของมูจินั้น ทางแบรนด์ได้เน้นสินค้าของประเทศตนเองล้วนๆ ซึ่งทั่วโลกต่างก็รู้กันดีว่าขึ้นชื่อว่าเป็นของประเทศญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ มักล้วนมีคุณภาพสูง ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ทางแบรนด์จะเน้นไปที่สินค้าที่มีคุณภาพดี แต่ราคาของสินค้ามูจิ ก็ไม่ได้ตั้งมาสูงจนโอเวอร์ไป เพราะเขาคิดราคามาแล้วว่าควรให้อยู่ในระดับที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถจับต้องได้ คำกล่าวที่ว่ามูจิมีความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริงนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเน้นการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยมักจะลดการบริโภคที่เกินความจำเป็น ใช้สินค้าหรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซะส่วนใหญ่
ความสำเร็จของแบรนด์
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านอกจากการเป็นที่รู้จักทั่วโลก ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ในเรื่อง “ความเป็นญี่ปุ่น” ที่มีจุดเด่นในเรื่องความเรียบง่าย สินค้าที่มีคุณภาพและใช้งานได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ความสำเร็จที่แท้จริงของมูจิจะหนีไปไม่พ้นของเรื่อง “การสร้างเทรนด์อนุรักษ์” ซึ่งโครงการเด่นของ MUJI ที่น่าสนใจ คือ ReMUJI เป็นโครงการที่นำเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาแปรรูปใหม่ให้เป็นสินค้าชิ้นใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะและส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่, การใช้พลังงานหมุนเวียนในสาขาและสำนักงาน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การลดการใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยหันมาใช้วัสดุธรรมชาติแทน และการร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์เพื่อสนับสนุนโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื่องจากแบรนด์ได้สร้างเทรนด์การใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย และเป็นแรงบันดาลใจให้กับแบรนด์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งรณรงค์ในเรื่องของการใช้ถุงผ้าในแบรนด์แรกๆ ทำให้แบรนด์มูจิขยับขยายสาขาไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
สินค้ายอดนิยม
สินค้ายอดนิยมของแบรนด์มูจิก็เยอะมาก เนื่องจากทางแบรนด์เน้นขาย “สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน” ครบครัน ครบทุกประเภท คือหากใช้จะขึ้นบ้านใหม่แล้วไม่มีอะไรเลยในบ้าน เดินเข้ามูจิทีเดียวก็จบครบเลย ส่วนสินค้าที่นิยมหรือฮิตจริงๆ ที่ทางเรามองว่าเด็ด ก็จะมี
– เสื้อผ้า: เสื้อยืด, เสื้อเชิ้ต, กางเกงยีนส์, เดรส ดีไซน์เรียบง่าย ใส่สบาย
– เครื่องเขียน: ปากกา, ดินสอ, สมุดโน้ต, กระดาษ
– ของใช้ในบ้าน: ผ้าขนหนู, หมอน, ผ้าปูที่นอน, แก้วน้ำ
– อาหาร: ขนมขบเคี้ยว, เครื่องดื่ม, อาหารพร้อมปรุง
– เครื่องสำอาง: สบู่, ครีมบำรุงผิว, เครื่องสำอางแบบธรรมชาติ
ยอดขายปัจจุบันและจำนวนสาขา
ยอดขายปัจจุบันและจำนวนสาขา ถือเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้แบรนด์นั้นๆ ประสบความสำเร็จ ซึ่งผลลัพธ์ของยอดขายมูจินั้น บอกเลยว่าออกมาได้น่าพอใจอย่างมาก โดยข้อมูลปีล่าสุดในต้นปี 2567 ยอดขายรวมตลอดทั้งปีอยู่ที่ 708 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 147 ล้านดอลลาร์ ลดลง 10.2% จากปีก่อนหน้า เหตุผลที่กำไรลดลงเพราะทางแบรนด์จัดโปรโมชั่นช่วยผู้บริโภคในสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นั่นเอง นั่นคือเหตุผลที่ยอดขายเพิ่มขึ้นแต่กำไรลดลง และแบรนด์มูจิ มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ตามข้อมูลของปี 2566 จะมีสาขาทั้งหมด 1,188 สาขา เนื่องจากใช้พื้นที่เยอะเพราะขายสินค้าอย่างครบครัน ทำให้สาขาอาจจะมีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่สำหรับแบรนด์ที่ครบครบทุกอย่าง การทำให้สาขามีทั่วโลกถึงหลักพันก็นับว่าเยอะมากแล้ว
ของที่ขายปัจจุบัน
นอกจากสินค้าที่กล่าวมาข้างต้น มูจิยังมีสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ที่ถือว่าครบจบได้ในที่เดียว โดยเราจะจัดแบ่งหมวดหมู่ ดังต่อไปนี้
– เสื้อผ้า เสื้อผ้าของมูจิ จะคงคอนเซ็ปต์แบรนด์เป็นอย่างดี เพราะเน้นดีไซน์เรียบง่าย ใส่สบาย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เหมาะสำหรับสวมใส่ไปทุกที่ ทั้งทำงานและไปเที่ยว โดยมีทั้งเสื้อยืด กางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ต เดรส ไปจนถึงชุดนอน
– เครื่องเขียน เครื่องเขียนของมูจิ ก็ถือว่าบ่งบอกเอกลักษณ์ของแบรนด์เหมือนกัน เพราะมีดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานง่าย และมีคุณภาพสูง เช่น ปากกา ดินสอ สมุดโน้ต และกระดาษ
– ของใช้ในบ้าน อย่างที่บอกว่ามูจิเขามีครบถ้วน ดังนั้นของใช้ในบ้านก็จะมีหลากหลายชนิดให้เลือก เช่น ผ้าขนหนู หมอน ผ้าปูที่นอน แก้วน้ำ จาน ชาม และอุปกรณ์ทำครัว
– อาหาร แรกเริ่มเดิมทีหมวดอาหารหรือของกินนั้นอาจไม่ได้อยู่ในแบรนด์ แต่หลังจากขยับขยายทางแบรนด์ก็ได้เพิ่มโซนอาหารให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม และอาหารพร้อมปรุง โดยเน้นวัตถุดิบธรรมชาติและรสชาติที่เรียบง่าย ไม่รสจัดจนเกินไป
– เครื่องสำอาง เครื่องสำอางของมูจินั้นจะเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ และมีบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่าย ซึ่งด้วยโทนที่ธรรมชาติ ไม่ได้มีสีสันโดดเด่นหรือฉูดฉาด จึงทำให้สินค้าประเภทนี้ยังตีตลาดได้ไม่มากเท่าไหร่นัก
– เฟอร์นิเจอร์ เฟอร์นิเจอร์ของมูจิ เป็นอีกหนึ่งตัวที่คนพูดถึงเยอะ มีดีไซน์เรียบง่าย และใช้งานได้หลากหลาย เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของ โดยจะเน้นไปที่ความมินิมอลสุดๆ ทว่าถึงจะมีคนพูดถึงเยอะ เป็นที่ต้องการเยอะ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสินค้าขายดี เนื่องจากวัสดุที่แข็งแรงทำให้โซนเฟอร์นิเจอร์นั้นมีราคาที่สูง หลายคนจึงเลือกไปทางแบรนด์ที่ถูกกว่า
แบรนด์ MUJI เป็นมากกว่าแบรนด์สินค้าที่ใช้ในชีวิตทั่วไป เน้นไปที่ไลฟ์สไตล์ที่เน้นความเรียบง่ายดังคำว่า Minimal Style และการงานอย่างมีคุณภาพ สินค้าของมูจิไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการในการใช้งานประจำวัน แต่ยังช่วยสร้างการใช้งานที่สะดวก ใช้งานได้จริงอย่างสบายตาด้วยโทนสีเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด ทาง ธน พลัส 153 นอกจากจะผลิตเสื้อหลายประเภท เนื้อผ้ามากมาย รวมถึงเสื้อโอเวอร์ไซส์ด้วย นอกจากนั้น “สินค้าพรีเมี่ยม” หรือพวกกระเป๋าผ้า เราก็มี หากคุณสนใจจะตีตลาดโดยมี แบรนด์มูจิ เป็นแบบอย่าง ทางเราก็มีเซลล์และแอดมินมากประสบการณ์พร้อมให้คำแนะนำดูแลตลอดทุกขั้นตอน