เสื้อยืด ผ้าแบบไหนบ้างที่เหมาะ

เสื้อยืด ผ้าแบบไหนบ้างที่เหมาะ

     เสื้อยืด ควรใช้เนื้อผ้าแบบไหนกันที่จะเหมาะสมแก่การทำแบรนด์ ซึ่งลูกค้าหลายคนก็คงมีสรรพคุณเสื้อในดวงใจ ในบทความนี้เราก็จะมาแนะนำ ผ้าหลากหลายที่เหมาะมากจะนำมาทำเป็นเสื้อยืด

 

     โดยหลักๆ ชนิดของผ้าจะมี อยู่ 3 แบบ คือ

     1. ผ้าฝ้าย 100%

     2. ผ้าใยสังเคราะห์ 100%

     3. ผ้าผสม

 

     โดยแต่ละผ้าก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้

 

     ผ้า Cotton100% (ผ้าฝ้าย)

     ผ้าฝ้าย หรือ Cotton เป็นเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากพืชฝ้าย นำมาผ่านกระบวนการปั่นทอจนได้เป็นผืนผ้า ผ้าฝ้ายได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการผลิตเสื้อผ้า เนื่องจากมีคุณสมบัติโดดเด่นหลายประการ เช่น ความนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

     คุณสมบัติของผ้าฝ้าย

    สวมใส่สบาย เพราะเนื้อผ้านุ่ม ระบายอากาศดี ทำให้รู้สึกเย็นสบาย ดูดซับเหงื่อได้ดี ช่วยให้ผิวแห้งสบาย อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ อีกทั้งผ้าฝ้ายมีหลากหลายเกรด ซึ่งแบ่งได้ตามประเภทเส้นด้ายและขนาดเส้นด้ายที่นำมาทอ โดยแต่ละเกรดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันเล็กน้อย

 

     เกรดของเส้นด้าย
     Cotton OE เป็นเกรดต่ำสุด เนื้อผ้าค่อนข้างหยาบ
     Cotton Semi มีคุณภาพปานกลาง เนื้อผ้าเนียนขึ้น
     Cotton Comb เป็นเกรดสูงสุด เนื้อผ้านุ่มเนียนละเอียดมากที่สุด

 

     ขนาดเส้นด้าย
     Cotton No.20 เส้นใยขนาดใหญ่ ทำให้ผ้ามีความหนา
     Cotton No.32 เส้นใยขนาดเล็ก ทำให้ผ้ามีความบางและละเอียด

 

     ผ้าฝ้ายเป็นวัสดุธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในการผลิตเสื้อผ้า เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ แม้จะมีข้อเสียบางประการ แต่ด้วยความนุ่มสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผ้าฝ้ายยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

 

 

     ผ้า TK

   ผ้า TK หรือ ผ้าโพลีเอสเตอร์ เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่ผลิตจากพลาสติกชนิดหนึ่ง มีลักษณะเด่นคือความแข็งแรง ทนทาน และราคาประหยัด ทำให้เป็นที่นิยมนำมาผลิตเสื้อผ้าหลากหลายประเภท โดยเฉพาะเสื้อโปโล เสื้อยืด และเสื้อแจ็คเก็ต

 

 

     ข้อดีของผ้าทีเค TK

     ผ้า TK มีความยืดหยุ่นน้อย จึงไม่ค่อยยับง่าย และคงรูปทรงได้ดี มีความแข็งแรง ทนทานต่อการขาดรอย และการเสียดสี ทำให้เราประหยัดงบเมื่อเทียบกับเนื้อผ้าอื่น เนื่องจากเป็นผ้าสังเคราะห์และกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างง่าย ทำให้มีราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าผ้าชนิดอื่นๆ ซักทำความสะอาดได้ง่าย แห้งเร็ว และไม่ต้องการการรีดบ่อย

 

     ข้อเสียของผ้าทีเค TK

     เส้นใยโพลีเอสเตอร์ไม่สามารถดูดซับความชื้นได้ดี ทำให้รู้สึกอับชื้นเมื่อสวมใส่ในสภาพอากาศร้อนและระบายอากาศได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกทั้งมักจะเกิดไฟฟ้าสถิต ทำให้เสื้อผ้าติดตัวและดูดฝุ่นได้ง่าย และผิวสัมผัสของผ้า TK อาจจะแข็งและขาดความนุ่มสบายเมื่อเทียบกับผ้าฝ้าย

 

   ผ้า TK เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเสื้อผ้าที่มีราคาประหยัด ทนทาน และไม่ต้องการการดูแลรักษาที่ยุ่งยาก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายในการสวมใส่และใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ควรพิจารณาเลือกใช้ผ้าชนิดอื่นที่มีส่วนผสมของผ้าฝ้ายมากกว่า เช่น ผ้า CVC หรือผ้า Cotton Spandex

 

 

     ผ้าTC และ ผ้า CVC

     ผ้า TC และ CVC เป็นเนื้อผ้าผสมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยทั้งสองชนิดนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างเส้นใยฝ้าย (Cotton) ซึ่งให้ความนุ่มสบาย และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ (Polyester) ซึ่งให้ความแข็งแรงทนทาน ทำให้ได้เนื้อผ้าที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและเหมาะกับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ

 

     ผ้า TC มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์มากกว่าฝ้าย โดยทั่วไปจะพบอัตราส่วนของโพลีเอสเตอร์อยู่ที่ประมาณ 65% และฝ้าย 35%

     ผ้า CVC มีส่วนผสมของฝ้ายมากกว่าโพลีเอสเตอร์ โดยทั่วไปจะพบอัตราส่วนของฝ้ายอยู่ที่ประมาณ 70-85% และโพลีเอสเตอร์ 15-30%

 

     ข้อดีของผ้า TC และ ผ้า CVC
    หมดห่วงเรื่องผ้าหด เพราะคุณสมบัติของผ้าใยสังเคราะห์อย่าง Polyester เส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ผสมอยู่ในผ้าช่วยเพิ่มความแข็งแรงและทนทาน ทำให้เสื้อผ้าที่ทำจากผ้า TC และ CVC มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แถมผ้าทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติในการคงรูปทรงได้ดี ไม่ยับง่าย เรื่องของการระบายอากาศได้ดี โดยเฉพาะผ้า CVC ที่มีส่วนผสมของฝ้ายมากกว่า ทำให้ระบายอากาศได้ดีกว่าผ้า TC เส้นใยฝ้ายในผ้าทั้งสองชนิดช่วยดูดซับเหงื่อได้ดี ทำให้รู้สึกสบายตัวเมื่อสวมใส่

 

     ผ้า TC และ CVC เหมาะสำหรับการผลิตเสื้อผ้าหลากหลายประเภท เช่น เสื้อโปโล เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต และชุดลำลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่ต้องการทั้งความทนทานและความสบายในการสวมใส่ เหมาะสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน หรือทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้แรงมากนัก

 

      ทั้งผ้า TC และ CVC ล้วนเป็นผ้าผสมที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านความทนทานและการดูแลรักษาที่ง่าย แต่ความแตกต่างในสัดส่วนของเส้นใยทำให้ทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเล็กน้อย ผู้บริโภคสามารถเลือกผ้าที่เหมาะสมกับความต้องการและความชอบของตนเองได้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความนุ่มสบาย ความทนทาน และราคา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *